สวนดุสิตโพลล์: การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง

ข่าวผลสำรวจ Friday May 6, 2011 10:45 —สวนดุสิตโพล

หลังจากที่นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกมาระบุว่าจะมีการยุบสภาในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม และจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแน่นอนใน

ช่วงปลายเดือนมิ.ย.หรือต้นเดือนกันยายน ส่งผลให้พรรคการเมืองต่างๆ มีการติดต่อหารือเพื่อจับขั้วทางการเมืองก่อนเข้าสู่สนามเลือกตั้ง และใช้เป็น

เงื่อนไขในการต่อรองเข้าร่วมรัฐบาล เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้ง “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัย

ราชภัฏสวนดุสิต จึงได้สอบถามความคิดเห็นจากประชาชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล กรณี “การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง” จำนวนทั้งสิ้น

1,343 คน ระหว่างวันที่ 1-5 พฤษภาคม 2554 สรุปผลได้ดังนี้

1. ใคร? ควรได้เป็น “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล”
อันดับ 1          พรรคใดก็ได้ที่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้                                        42.75%
อันดับ 2          พรรคที่ชนะการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อรวมกับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์)                    37.02%
อันดับ 3          พรรคที่ชนะการเลือกตั้ง ส.ส. ไม่รวม ส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์)                       20.23%

2. ประชาชนคิดอย่างไร? กับ “การแย่งกันจัดตั้งรัฐบาล”
อันดับ 1          เป็นเรื่องปกติทางการเมือง ไม่ว่าพรรคการเมืองใดก็อยากเป็นฝ่ายรัฐบาล                    33.41%
อันดับ 2          การเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์ /การแสวงหาอำนาจ/การชิงไหวชิงพริบทางการเมือง           27.69%
อันดับ 3          รู้สึกเบื่อ นักการเมืองแตกแยก ไม่สามัคคีกัน ประชาชนไม่กล้าฝากความหวังไว้กับนักการเมือง      23.17%
อันดับ 4          บรรยากาศการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้อาจดุเดือด เกิดการสลับขั้วทางการเมือง                    15.73%

3. ประชาชนคิดว่า “พรรคที่ไม่มีคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง” สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ ?
อันดับ 1          สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้          56.02%

เพราะ หากพรรคนั้นสามารถรวบรวมเสียงได้จำนวนมาก , ผลประโยชน์ลงตัว ,รัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามไว้ ฯลฯ

อันดับ 2          ไม่ได้                       43.98%

เพราะ การเมืองไทยที่ผ่านมายังไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน โดยมารยาททางการเมืองพรรคที่มีคะแนนเสียง

ข้างมากย่อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ฯลฯ

4. ประชาชนคิดว่า “หัวหน้าพรรคที่ไม่มีคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง” สามารถเป็นนายกรัฐมนตรี
ได้หรือไม่ ?
อันดับ 1          สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้      53.69%

เพราะ หากเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีฝีมือ และได้รับการยอมรับจาก ส.ส.หรือพรรคร่วมรัฐบาล ฯลฯ

อันดับ 2          ไม่ได้                       46.31%

เพราะ คะแนนเสียงที่ได้รับไม่ได้มาจากความต้องการที่แท้จริงของประชาชน อาจเกิดปัญหาตามมาภายหลัง ฯลฯ

5. คุณสมบัติ ของ “รัฐบาล” ที่ประชาชนต้องการ คือ
อันดับ 1          มีความสามัคคี ร่วมมือร่วมใจกันในการบริหารและพัฒนาประเทศ                    52.08%
อันดับ 2          ซื่อสัตย์ สุจริต /โปร่งใส ยุติธรรม /มีคุณธรรม จริยธรรมทางการเมือง              29.84%
อันดับ 3          ประกอบด้วยบุคคลที่มีความรู้ความสามารถหลายด้าน เป็นที่ยอมรับและน่าเชื่อถือ         18.08%

6. คุณสมบัติ ของ “นายกรัฐมนตรี” ที่ประชาชนต้องการ คือ
อันดับ 1          ซื่อสัตย์ สุจริต /บริหารงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน                              45.10%
อันดับ 2          เป็นผู้นำ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล กล้าคิดกล้าตัดสินใจ /พัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับต่างประเทศ     34.57%
อันดับ 3          ทำตามนโยบายที่ประกาศหรือสัญญาไว้กับประชาชนในช่วงที่หาเสียง /รักษาคำพูด                        20.33%

7. “ความวิตกกังวล” ของประชาชนที่มีต่อการจัดตั้งรัฐบาลหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง   คือ
อันดับ 1          การไม่ยอมรับกับผลที่ออกมา /การชุมนุม การประท้วง ก่อเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมือง                         46.04%
อันดับ 2          การบริหารงานของรัฐบาลที่จะต้องรับมือ /แก้ปัญหากับวิกฤติหลายด้านของประเทศ เช่น การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ฯลฯ 30.12%
อันดับ 3          การปฏิบัติตัว/พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนักการเมือง /การทะเลาะเบาะแว้ง แย่งชิงผลประโยชน์                 23.84%

--สวนดุสิตโพลล์--

-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ