จากที่นายกฯทักษิณ มีนโยบายที่ให้เด็กอายุ 2- 5 ขวบ เรียนภาษาอังกฤษเพื่อเป็นการวางพื้นฐานตั้งแต่เด็ก โดยจะให้ศูนย์
เด็กเล็กขององค์การบริหารส่วนตำบล (อ.บ.ต.) ดำเนินการในการทดลองเรียนพร้อมกับจะซื้อลิขสิทธิ์คู่มือมาแล้วพิมพ์เป็นหนังสือให้
เด็กเรียน “สวนดุสิตโพล” สถาบันราชภัฎสวนดุสิต จึงได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่พักอาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล
จำนวนทั้งสิ้น 1,024 คน (ประชาชนทั่วไป 536 คน 52.34 % นักเรียน/นักศึกษา 488 คน 47.66%) โดยสำรวจ
ระหว่างวันที่ 1 - 2 พฤษภาคม 2547 สรุปผลได้ดังนี้
1. “ประชาชน” เห็นด้วยกับนโยบายของนายกฯทักษิณ ที่จะให้เด็กตั้งแต่อายุ 2 | 5 ขวบเรียนภาษาอังกฤษหรือไม่?
ประชาชน นร./นศ. ภาพรวม
อันดับที่ 1 เห็นด้วย 61.96% 86.11% 74.03%
เพราะ เป็นการปูพื้นฐานให้กับเด็ก,เด็กจะได้เรียนรู้และคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษตั้งแต่เบื้องต้น ฯลฯ
อันดับที่ 2 ไม่เห็นด้วย 36.96% 11.11% 24.04%
เพราะ ยังเด็กเกินไป,หนักเกินไปสำหรับเด็กอายุแค่ 2 ขวบ,เร่งรัดเด็กเกินไป ฯลฯ
อันดับที่ 3 ไม่แน่ใจ 1.08% 2.78% 1.93%
เพราะ ไม่รู้ว่าจะทำได้จริงหรือไม่,ถึงแม้จะเป็นการปูพื้นฐานแต่ถ้าเด็กไม่รับก็ไม่สามารถทำได้ ฯลฯ
2. “ประชาชน” คิดว่าการเรียนภาษาอังกฤษในปัจจุบันนี้มีความสำคัญมากน้อยเพียงใด
ประชาชน นร./นศ. ภาพรวม
อันดับที่ 1 สำคัญมาก 95.08% 93.94% 94.51%
เพราะ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลในการติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศ,ใช้ในการทำธุรกิจได้ ฯลฯ
อันดับที่ 2 ค่อนข้างสำคัญ 4.92% 6.06% 5.49%
เพราะ การเรียนภาษาอังกฤษเป็นเรื่องของการฝึกทักษะพื้นฐาน ฯลฯ
3. “ประชาชน” คิดว่าปัญหา/อุปสรรค ของการเรียนภาษาอังกฤษ คือ
ประชาชน นร./นศ. ภาพรวม
อันดับที่ 1 การทำความเข้าใจในคำศัพท์/สำเนียง/Grammar 26.76% 32.69% 29.73%
อันดับที่ 2 ความกลัวไม่กล้าพูดหรือแสดงความคิดเห็นกลัวพูดผิด 28.17% 25.00% 26.58%
อันดับที่ 3 ความพร้อมของบุคลากรในการสอน/ขาดบุคลกรที่มี
ความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง 19.72% 17.31% 18.52%
อันดับที่ 4 วิธีการสอนของผู้สอนไม่เอื้อให้เรียนได้อย่างเข้าใจ 14.08% 15.38% 14.73%
อันดับที่ 5 งบประมาณในการเรียน/ค่าเล่าเรียนแพง 11.27% 9.62% 10.44%
4. วิธีการเรียน/การสอนภาษาอังกฤษ ที่ “ประชาชน” ชอบคือ
ประชาชน นร./นศ. ภาพรวม
อันดับที่ 1 พูดภาษาอังกฤษในชั้นเรียนเหมือนใช้ในชีวิต
ประจำวันเพื่อความเคยชิน 58.82% 45.83% 52.33%
อันดับที่ 2 สอนภาษาโดยใช้เพลงหรือเกมควบคู่ไปกับภาคทฤษฎี 14.71% 20.83% 17.77%
อันดับที่ 3 สอนแบบไม่เครียด สอนให้สนุก เด็กจะได้ไม่เบื่อที่จะเรียน 14.71% 16.67% 15.69%
อันดับที่ 4 สอนแบบตัวต่อตัว 11.76% 16.67% 14.21%
5. ระหว่าง “ครูไทย” กับ “ครูต่างชาติ” ที่สอนภาษาอังกฤษ “ประชาชน” คิดว่าใครดีกว่ากัน
ประชาชน นร./นศ. ภาพรวม
อันดับที่ 1 ครูต่างชาติดีกว่า 54.09% 54.55% 54.32%
เพราะ ได้สำเนียงภาษาที่ตรงและชัดเจนมากขึ้น,เป็นต้นแบบภาษาโดยตรง ฯลฯ
อันดับที่ 2 พอๆกัน 24.60% 39.39% 32.00%
เพราะ มีความสามารถเท่าเทียมกัน,การเรียนรู้อยู่ที่ว่าได้ทำความเข้าใจให้ผู้เรียนได้เพียงใด,ขึ้นอยู่กับ
ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ของผู้สอน ฯลฯ
อันดับที่ 3 ครูไทยดีกว่า 21.31% 6.06% 13.68%
เพราะ ครูต่างชาติพูดและไม่เข้าใจในคำพูดบางคำ,เข้าใจในธรรมชาติของเด็กไทยดีกว่า ฯลฯ
6. “สาเหตุ” ของผู้ที่เรียนภาษาอังกฤษแล้วแต่ไม่สามารถสนทนาโต้ตอบกับชาวต่างชาติได้
ประชาชน นร./นศ. ภาพรวม
อันดับที่ 1 ไม่กล้าพูด/ไม่กล้าแสดงออกกลัวพูดผิด 35.29% 58.54% 46.92%
อันดับที่ 2 เรียนแล้วไม่ได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน 52.95% 31.71% 42.33%
อันดับที่ 3 พื้นฐานภาษาอังกฤษไม่มี/ครูผู้สอนไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ 11.76% 9.75% 10.75%
--สวนดุสิตโพล--
-ลจ-
เด็กเล็กขององค์การบริหารส่วนตำบล (อ.บ.ต.) ดำเนินการในการทดลองเรียนพร้อมกับจะซื้อลิขสิทธิ์คู่มือมาแล้วพิมพ์เป็นหนังสือให้
เด็กเรียน “สวนดุสิตโพล” สถาบันราชภัฎสวนดุสิต จึงได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่พักอาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล
จำนวนทั้งสิ้น 1,024 คน (ประชาชนทั่วไป 536 คน 52.34 % นักเรียน/นักศึกษา 488 คน 47.66%) โดยสำรวจ
ระหว่างวันที่ 1 - 2 พฤษภาคม 2547 สรุปผลได้ดังนี้
1. “ประชาชน” เห็นด้วยกับนโยบายของนายกฯทักษิณ ที่จะให้เด็กตั้งแต่อายุ 2 | 5 ขวบเรียนภาษาอังกฤษหรือไม่?
ประชาชน นร./นศ. ภาพรวม
อันดับที่ 1 เห็นด้วย 61.96% 86.11% 74.03%
เพราะ เป็นการปูพื้นฐานให้กับเด็ก,เด็กจะได้เรียนรู้และคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษตั้งแต่เบื้องต้น ฯลฯ
อันดับที่ 2 ไม่เห็นด้วย 36.96% 11.11% 24.04%
เพราะ ยังเด็กเกินไป,หนักเกินไปสำหรับเด็กอายุแค่ 2 ขวบ,เร่งรัดเด็กเกินไป ฯลฯ
อันดับที่ 3 ไม่แน่ใจ 1.08% 2.78% 1.93%
เพราะ ไม่รู้ว่าจะทำได้จริงหรือไม่,ถึงแม้จะเป็นการปูพื้นฐานแต่ถ้าเด็กไม่รับก็ไม่สามารถทำได้ ฯลฯ
2. “ประชาชน” คิดว่าการเรียนภาษาอังกฤษในปัจจุบันนี้มีความสำคัญมากน้อยเพียงใด
ประชาชน นร./นศ. ภาพรวม
อันดับที่ 1 สำคัญมาก 95.08% 93.94% 94.51%
เพราะ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลในการติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศ,ใช้ในการทำธุรกิจได้ ฯลฯ
อันดับที่ 2 ค่อนข้างสำคัญ 4.92% 6.06% 5.49%
เพราะ การเรียนภาษาอังกฤษเป็นเรื่องของการฝึกทักษะพื้นฐาน ฯลฯ
3. “ประชาชน” คิดว่าปัญหา/อุปสรรค ของการเรียนภาษาอังกฤษ คือ
ประชาชน นร./นศ. ภาพรวม
อันดับที่ 1 การทำความเข้าใจในคำศัพท์/สำเนียง/Grammar 26.76% 32.69% 29.73%
อันดับที่ 2 ความกลัวไม่กล้าพูดหรือแสดงความคิดเห็นกลัวพูดผิด 28.17% 25.00% 26.58%
อันดับที่ 3 ความพร้อมของบุคลากรในการสอน/ขาดบุคลกรที่มี
ความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง 19.72% 17.31% 18.52%
อันดับที่ 4 วิธีการสอนของผู้สอนไม่เอื้อให้เรียนได้อย่างเข้าใจ 14.08% 15.38% 14.73%
อันดับที่ 5 งบประมาณในการเรียน/ค่าเล่าเรียนแพง 11.27% 9.62% 10.44%
4. วิธีการเรียน/การสอนภาษาอังกฤษ ที่ “ประชาชน” ชอบคือ
ประชาชน นร./นศ. ภาพรวม
อันดับที่ 1 พูดภาษาอังกฤษในชั้นเรียนเหมือนใช้ในชีวิต
ประจำวันเพื่อความเคยชิน 58.82% 45.83% 52.33%
อันดับที่ 2 สอนภาษาโดยใช้เพลงหรือเกมควบคู่ไปกับภาคทฤษฎี 14.71% 20.83% 17.77%
อันดับที่ 3 สอนแบบไม่เครียด สอนให้สนุก เด็กจะได้ไม่เบื่อที่จะเรียน 14.71% 16.67% 15.69%
อันดับที่ 4 สอนแบบตัวต่อตัว 11.76% 16.67% 14.21%
5. ระหว่าง “ครูไทย” กับ “ครูต่างชาติ” ที่สอนภาษาอังกฤษ “ประชาชน” คิดว่าใครดีกว่ากัน
ประชาชน นร./นศ. ภาพรวม
อันดับที่ 1 ครูต่างชาติดีกว่า 54.09% 54.55% 54.32%
เพราะ ได้สำเนียงภาษาที่ตรงและชัดเจนมากขึ้น,เป็นต้นแบบภาษาโดยตรง ฯลฯ
อันดับที่ 2 พอๆกัน 24.60% 39.39% 32.00%
เพราะ มีความสามารถเท่าเทียมกัน,การเรียนรู้อยู่ที่ว่าได้ทำความเข้าใจให้ผู้เรียนได้เพียงใด,ขึ้นอยู่กับ
ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ของผู้สอน ฯลฯ
อันดับที่ 3 ครูไทยดีกว่า 21.31% 6.06% 13.68%
เพราะ ครูต่างชาติพูดและไม่เข้าใจในคำพูดบางคำ,เข้าใจในธรรมชาติของเด็กไทยดีกว่า ฯลฯ
6. “สาเหตุ” ของผู้ที่เรียนภาษาอังกฤษแล้วแต่ไม่สามารถสนทนาโต้ตอบกับชาวต่างชาติได้
ประชาชน นร./นศ. ภาพรวม
อันดับที่ 1 ไม่กล้าพูด/ไม่กล้าแสดงออกกลัวพูดผิด 35.29% 58.54% 46.92%
อันดับที่ 2 เรียนแล้วไม่ได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน 52.95% 31.71% 42.33%
อันดับที่ 3 พื้นฐานภาษาอังกฤษไม่มี/ครูผู้สอนไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ 11.76% 9.75% 10.75%
--สวนดุสิตโพล--
-ลจ-