** เด็กให้ความสำคัญกับ O-NET/GAT/PAT **
แต่ “ติงข้อสอบยาก” และ “ไม่เห็นด้วย” ที่จะใช้ O-NET แทนคะแนนสอบปลายภาค
“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย กรณี การสอบ O-NET/GAT/PAT โดยการสำรวจเชิงปริมาณที่ใช้วิธีการสัมภาษณ์เจาะลึกจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อให้ได้แนวทางในการแก้ปัญหาและพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทย จำนวน 1,035 คน ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม — 2 เมษายน2555 สรุปผลได้ดังนี้
(1) การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต / O-NET)
อันดับ 1 ให้ความสำคัญมาก 63.40% เพราะ เด็กนักเรียนทุกคนจะต้องปฏิบัติตามนโยบายที่กระทรวงศึกษาฯกำหนดเพื่อวัดระดับมาตรฐานการศึกษา ฯลฯ อันดับ 2 ค่อนข้างให้ความสำคัญ 28.35% เพราะ เป็นการวัดระดับผลการเรียนและทดสอบความรู้จากความสามารถของเด็กเอง ฯลฯ อันดับ 3 ไม่ค่อยให้ความสำคัญ 6.21% เพราะ เหมือนเป็นการทดสอบประเภทหนึ่ง ,การสอบที่ผ่านมายังมีปัญหา เช่น เรื่องข้อสอบและมาตรฐานในการสอบ ฯลฯ อันดับ 4 ไม่ได้ให้ความสำคัญเลย 2.04% เพราะ ไม่เห็นด้วยกับการทดสอบนี้ การออกข้อสอบกับการนำผลคะแนนที่ได้ไปใช้ ยังไม่มีความชัดเจนพอ ฯลฯ
(2) การทดสอบความถนัดทั่วไป (GAT)
อันดับ 1 ให้ความสำคัญมาก 64.94% เพราะ ต้องนำคะแนนที่ได้ไปใช้ต่อในระดับมหาวิทยาลัย ,เป็นการทดสอบความถนัดทั่วไป ฯลฯ อันดับ 2 ค่อนข้างให้ความสำคัญ 25.53% เพราะ ทางโรงเรียนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ได้ให้คำแนะนำและชี้แจงถึงเหตุผลของการสอบ ฯลฯ อันดับ 3 ไม่ได้ให้ความสำคัญเลย 5.72% เพราะ เป็นความต้องการของผู้ใหญ่โดยไม่ถามความสมัครใจของเด็ก ฯลฯ อันดับ 4 ไม่ค่อยให้ความสำคัญ 3.81% เพราะ ไม่สามารถวัดผลได้อย่างแท้จริง รูปแบบการสอบจะต้องมีความหลากหลายมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ฯลฯ
(3) การทดสอบความถนัดทางวิชาการ /วิชาชีพ(PAT)
อันดับ 1 ให้ความสำคัญมาก 59.59% เพราะ คะแนนที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาต่อและเป็นตัวที่บอกถึงอนาคตของเราได้ว่าจะไปในทิศทางใด ฯลฯ อันดับ 2 ค่อนข้างให้ความสำคัญ 27.93% เพราะ เป็นตัวชี้วัดให้เห็นถึงความสามารถพิเศษ หรือความชำนาญเฉพาะด้านของนักเรียน ฯลฯ อันดับ 3 ไม่ค่อยให้ความสำคัญ 6.40% เพราะ การสอบแบบปกติของทางโรงเรียนก็หนักพออยู่แล้ว และยังต้องมาทดสอบแบบทั่วประเทศอีก ฯลฯ อันดับ 4 ไม่ได้ให้ความสำคัญเลย 6.08% เพราะ ไม่แน่ใจว่าในอนาคตจะต้องยกเลิกหรือมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการสอบอีกหรือไม่ ฯลฯ 2. นักเรียนคิดว่าเพราะสาเหตุใด? การทดสอบ O-NET /GAT/PAT จึงได้คะแนนต่ำ
(1) สาเหตุที่ทำให้การทดสอบ (O-NET) คะแนนต่ำ
อันดับ 1 ข้อสอบยาก /เนื้อหาที่โรงเรียนสอนกับข้อสอบที่ออกมาไม่ตรงกัน 70.29% อันดับ 2 ตัวเด็กเองไม่เต็มที่กับการสอบ ไม่ตั้งใจอ่านหนังสือ ขาดการเอาใจใส่ 25.94% อันดับ 3 เวลาในการสอบมีน้อย ทำข้อสอบไม่ทัน ไม่มีเวลาพอที่จะทบทวนข้อสอบที่ทำไป 3.77%
(2) สาเหตุที่ทำให้การทดสอบ (GAT) คะแนนต่ำ
อันดับ 1 คำตอบในข้อสอบมีความเป็นไปได้เกือบทุกข้อ โจทย์หลอกเยอะ 74.50% อันดับ 2 ขึ้นอยู่กับความตั้งใจ การทบทวนและพยายามทำความเข้าใจกับเนื้อหาที่เรียน 22.50% อันดับ 3 คำถามยาวเกินไปทำให้ทำข้อสอบไม่ทัน 3.00%
(3) สาเหตุที่ทำให้การทดสอบ (PAT) คะแนนต่ำ
อันดับ 1 วิชาที่สอบเฉพาะทางยาก เน้นการคิดวิเคราะห์มากเกินไป 77.07% อันดับ 2 ในโรงเรียนเน้นวิธีการสอนแบบท่องจำมากกว่าให้เด็กหัดคิดวิเคราะห์เอง 20.54% อันดับ 3 ข้อสอบเยอะ ทำไม่ทัน 2.39% 3. นักเรียนคิดว่าควรปฏิบัติอย่างไร? การทดสอบ O-NET /GAT/PAT จึงได้คะแนนสูง
(1) วิธีที่ทำให้การทดสอบ (O-NET) คะแนนสูง
อันดับ 1 ตัวเด็กเองต้องมีความตั้งใจในการทำข้อสอบ ทบทวนบทเรียนให้มากขึ้นกว่าเดิม 69.97% อันดับ 2 ช่วงใกล้สอบ ทางโรงเรียนควรจัดให้มีการติวสำหรับเด็ก 16.31% อันดับ 3 ฝึกทำข้อสอบให้มากขึ้น โดยอาจค้นหาจากเว็บไซต์หรือสอบถามแนวทางจากรุ่นพี่ 13.72%
(2) วิธีที่ทำให้การทดสอบ (GAT) คะแนนสูง
อันดับ 1 พยายามทำความเข้าใจกับเนื้อหาของข้อสอบ ค่อยๆอ่าน ไม่รีบร้อน 64.50% อันดับ 2 โรงเรียนควรปรับวิธีการสอน นำเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความรู้ทั่วไปมาสอนเพิ่มเติม 19.08% อันดับ 3 หน่วยงานที่ออกข้อสอบควรออกข้อสอบที่ตรงกับเนื้อหาที่เด็กเรียนมาจากในห้องเรียน 16.42%
(3) วิธีที่ทำให้การทดสอบ (PAT) คะแนนสูง
อันดับ 1 ตัวเด็กเองต้องขยัน ตั้งใจเรียน ตั้งใจอ่านหนังสือ หมั่นทบทวนอย่างสม่ำเสมอ 67.52% อันดับ 2 ทางโรงเรียนควรเชิญเจ้าหน้าที่ของ สทศ. มาให้คำแนะนำหรือการเตรียมตัวก่อนสอบ 18.31% อันดับ 3 ต้องฝึกทำข้อสอบเชิงวิเคราะห์ให้มากขึ้นโดยเฉพาะในวิชาที่เลือกสอบ 14.17% 4. โรงเรียนควรปฏิบัติอย่างไร? การทดสอบ O-NET /GAT/PAT จึงได้คะแนนสูง
(1) วิธีที่ทำให้การทดสอบ (O-NET) คะแนนสูง
อันดับ 1 ทางโรงเรียนจัดให้มีการเรียนพิเศษนอกเหนือจากเวลาเรียน 67.53% อันดับ 2 ตัวครูเองควรทุ่มเท สละเวลาให้กับเด็กมากกว่านี้ /มีความรู้ความสามารถ 25.83% อันดับ 3 ทางโรงเรียนควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายของการสอบที่ชัดเจนและตรงเป้าหมาย 6.64%
(2) วิธีที่ทำให้การทดสอบ (GAT) คะแนนสูง
อันดับ 1 ทางโรงเรียนต้องหาข้อสอบหรือแบบฝึกหัดที่เน้นการคิดวิเคราะห์มาให้เด็กทำ 66.17% อันดับ 2 โรงเรียนต้องพัฒนา ปรับปรุงวิธีการเรียนการสอนให้เข้ากับการสอบ 22.89% อันดับ 3 ทางโรงเรียนจะต้องกระตุ้น สนับสนุนให้เด็กเห็นถึงความสำคัญของการสอบ 10.94%
(3) วิธีที่ทำให้การทดสอบ (PAT) คะแนนสูง
อันดับ 1 ทางโรงเรียนจัดให้มีการเรียนพิเศษนอกเหนือจากเวลาเรียน 67.23% อันดับ 2 เชิญผู้ที่มีความรู้และมีประสบการณ์ในการสอบมาพูดให้ฟัง เช่น รุ่นพี่ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง 22.92% อันดับ 3 สร้างบรรยากาศในชั้นเรียนหรือในโรงเรียนให้เด็กเกิดความสนใจในการสอบ 9.85% 5. กระทรวงศึกษาฯ และ สทศ.ควรปฏิบัติอย่างไร? การทดสอบ O-NET /GAT/PAT จึงได้คะแนนสูง
(1) วิธีที่ทำให้การทดสอบ (O-NET) คะแนนสูง
อันดับ 1 ออกข้อสอบให้ตรงกับเนื้อหาที่เรียนในชั้นเรียน 47.63% อันดับ 2 ควรมีนโยบายหรือมาตรฐานในการสอบให้เหมาะสมกับสภาพของแต่ละโรงเรียน 42.32% อันดับ 3 การนำแนวข้อสอบหรือข้อสอบที่ผ่านมาให้นักเรียนลองทำ 10.05%
(2) วิธีที่ทำให้การทดสอบ (GAT) คะแนนสูง
อันดับ 1 ออกข้อสอบที่ชัดเจน เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน 59.39% อันดับ 2 จำนวนข้อสอบ โจทย์ที่ถามควรมีความเหมาะสมกับเวลาที่กำหนด ให้เด็กมีเวลาทบทวนข้อสอบ 33.67% อันดับ 3 เพิ่มการประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้เกี่ยวกับการสอบให้มากขึ้น 6.94%
(3) วิธีที่ทำให้การทดสอบ (PAT) คะแนนสูง
อันดับ 1 ออกข้อสอบที่ชัดเจน เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน / ไม่ต้องใช้การคิดวิเคราะห์มากเกินไป 56.03% อันดับ 2 การบริการด้านข้อมูล ให้คำปรึกษาแนะนำที่เป็นประโยชน์แก่การสอบ 37.35% อันดับ 3 มีข้อสอบให้ฝึกทำและสามารถดาวน์โหลดได้ง่าย 6.62% 6. นักเรียนคิดอย่างไร? กรณีที่มีกระแสว่าอยากจะให้คะแนนสอบ (O-NET) แทนคะแนนสอบปลายภาค ม.3-ม.6 อันดับ 1 ไม่เห็นด้วย 73.86% เพราะ ข้อสอบโอเน็ตยากกว่าข้อสอบปลายภาค ,ข้อสอบไม่ตรงกับเนื้อหาที่เรียน ,กลัวสอบตก ฯลฯ อันดับ 2 เห็นด้วย 26.14% เพราะ เป็นการสอบระดับชาติที่วัดคุณภาพการศึกษาไทย ,เด็กทุกคนมีโอกาสและมีสิทธิเท่าเทียมกัน ,จะได้เตรียมตัวสอบได้ถูก ฯลฯ --สวนดุสิตโพลล์--