** แม้จะได้ “ค่าจ้าง/เงินเดือน” เพิ่ม แต่การกู้หนี้ยืมสินก็ยังเพิ่มขึ้นถึง 37.72% และยังมีอีก 26.95% ที่กู้หนี้ยืมสินน้อยลง ในขณะที่การใช้จ่ายเรื่องของกิน ของใช้/ของฟุ่มเฟือย และความบันเทิง “ลดลง” โดยไม่มีเรื่องใด?เพิ่มขึ้น **
จากที่รัฐบาลประกาศขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน ตามนโยบายที่รัฐบาลได้หาเสียงเอาไว้ โดยเริ่มตั้งแต่ วันที่ 1 เมษายน เป็นวันแรก ซึ่งมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว บ้างก็มองว่าเป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้ประกอบการบ้างก็ว่าเป็นการช่วยยกระดับค่าครองชีพ รายได้ และช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นและเป็นข้อมูลสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงสอบถามความคิดเห็นของผู้ที่ได้รับค่าจ้าง /เงินเดือนเพิ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 1,206 คน ระหว่างวันที่ 5-10 เมษายน 2555 สรุปผลได้ดังนี้
อันดับ 1 อาหารการกิน ของกิน ของใช้ในชีวิตประจำวัน 45.38% อันดับ 2 ค่าผ่อนชำระต่างๆ เช่น เรื่องบ้าน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ 22.69% อันดับ 3 ค่าเทอม ค่าเล่าเรียน 10.08% อันดับ 4 การผ่อนชำระหนี้ในระบบและนอกระบบ /แชร์ 8.40% อันดับ 5 ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง /น้ำมัน 7.56% อื่นๆ เก็บออม ,ทำบุญ ,ส่งเงินให้ที่บ้าน ฯลฯ 5.89% 2. พฤติกรรมการเก็บออมของคนที่ได้รับ “ค่าจ้าง/เงินเดือน” เพิ่ม ณ วันนี้ อันดับ 1 ไม่ได้เก็บออม 44.65% เพราะ ยังมีภาระหนี้สินทั้งในระบบและนอกระบบที่ยังเคลียร์ไม่ได้ รายได้ไม่พอกับรายจ่าย ฯลฯ อันดับ 2 เก็บออมน้อยลง 36.90% เพราะ ยังมีภาระในเรื่องที่จำเป็นต้องใช้จ่ายอยู่มาก เช่น ค่าเล่าเรียน การผ่อนชำระต่างๆ ฯลฯ อันดับ 3 เก็บออมมากขึ้น 18.45% เพราะ มีเงินเหลือออมเพิ่มขึ้นนิดหน่อย จำเป็นต้องเก็บเงินไว้ใช้จ่ายในยามจำเป็น ฯลฯ 3. พฤติกรรมการกู้หนี้ยืมสินของคนที่ได้รับ “ค่าจ้าง/เงินเดือน” เพิ่ม ณ วันนี้ อันดับ 1 กู้หนี้ยืมสินมากขึ้น 37.72% เพราะ เงินไม่พอใช้ มีความจำเป็นที่จะต้องกู้ยืมมากขึ้นเพื่อนำมาใช้ในเรื่องที่จำเป็น เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ ฯลฯ อันดับ 2 ไม่ได้กู้หนี้ยืมสินเลย 35.33% เพราะ ไม่ชอบเป็นหนี้ ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น ยึดหลักพอเพียง มีเงินออมจากการทำงานไว้ใช้ในยามที่จำเป็น ฯลฯ อันดับ 3 กู้หนี้ยืมสินน้อยลง 26.95% เพราะ กลัวว่าจะไม่มีเงินใช้หนี้ ใช้ชีวิตอยู่บนความไม่ประมาท นำเงินเก็บบางส่วนออกมาใช้ ฯลฯ 4. การซื้อของกินของใช้ที่จำเป็น ของคนที่ได้รับ “ค่าจ้าง/เงินเดือน” เพิ่ม ณ วันนี้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่? อันดับ 1 เหมือนเดิม 70.31% เพราะ ยังคงต้องใช้จ่ายในเรื่องของกินของใช้ที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน ชีวิตความเป็นอยู่ยังเหมือนเดิม ฯลฯ อันดับ 2 เปลี่ยนแปลงโดยลดลง 29.69% เพราะ จำเป็นต้องประหยัด รู้จักวางแผนในการใช้จ่าย เลือกซื้อของที่มีราคาถูกกว่ามาแทน ฯลฯ 5. การซื้อของใช้ฟุ่มเฟือย เช่น เครื่องประดับ น้ำหอม เครื่องสำอาง ของคนที่ได้รับ “ค่าจ้าง/เงินเดือน” เพิ่ม ณ วันนี้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่? อันดับ 1 เปลี่ยนแปลงโดยลดลง 66.32% เพราะ มีเรื่องจำเป็นอื่นมากกว่าที่จะต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ซื้อเฉพาะที่จำเป็นต้องใช้หรือในโอกาสสำคัญจริงๆ ฯลฯ อันดับ 2 เหมือนเดิม 33.68% เพราะ เป็นสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น เป็นการเสริมบุคลิกให้ดูดี ซื้อในช่วงที่มีการลดราคา ฯลฯ 6. การซื้อความบันเทิง เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ท่องเที่ยว สังสรรค์ ของคนที่ได้รับ “ค่าจ้าง/เงินเดือน” เพิ่ม ณ วันนี้ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่? อันดับ 1 เปลี่ยนแปลงโดยลดลง 57.17% เพราะ มีภาระค่าใช้จ่ายอีกมาก ต้องการเก็บออมเงินหรือนำเงินไปใช้ในเรื่องอื่นที่จำเป็นมากกว่า ไปบ้างแต่ไม่บ่อยครั้ง ฯลฯ อันดับ 2 เหมือนเดิม 42.83% เพราะ มีการวางแผน ควบคุมค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไว้แล้ว โดยส่วนตัวเป็นคนชอบความบันเทิงและการผ่อนคลาย ฯลฯ --สวนดุสิตโพลล์--