“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทุกสาขาอาชีพที่พักอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล กรณี “ทัศนะของสังคม” ต่อ “ผลคำพิพากษาศาลฎีกา” เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมและแสวงหาฐานข้อมูลด้านความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 1,235 คน ระหว่างวันที่ 5-11 ตุลาคม 2555 สรุปผลดังนี้
อันดับ 1 พอรู้และเข้าใจอยู่บ้าง 38.21%
เพราะ ระยะหลังมีข่าวเกี่ยวกับศาลฎีกาบ่อยขึ้น รับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของศาลฎีกาจากสื่อต่างๆ ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่ค่อยมีความรู้และเข้าใจ 36.99%
เพราะ เป็นเรื่องไกลตัว พอได้ยินหรือรับฟังมาบ้างแต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจ ไม่ได้เรียนด้านกฎหมายมา ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่รู้และไม่เข้าใจเลย 13.42%
เพราะ เป็นเรื่องที่เข้าใจยาก ไม่มีเวลาที่จะศึกษาหรือติดตาม ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ฯลฯ
อันดับ 4 รู้และเข้าใจเป็นอย่างดี 11.38%
เพราะ เป็นเรื่องที่สนใจ เคยศึกษาและอ่านหนังสือกฎหมายมาพอสมควร เกี่ยวข้องกับการทำงาน ฯลฯ
อันดับ 1 ให้ความสำคัญมาก 34.55%
เพราะ ศาลฎีกาเป็นศาลยุติธรรมชั้นสูงสุด มีอำนาจพิจารณาตัดสินคดีโดยตรง บทบาทหน้าที่ของศาลจึงต้องชัดเจน ยุติธรรม ฯลฯ
อันดับ 2 พอให้ความสำคัญอยู่บ้าง 34.15%
เพราะ ระยะหลังมีข่าวเกี่ยวกับการพิจารณาตัดสินคดีของศาลฎีกาบ่อยขึ้น โดยเฉพาะคดีทางการเมืองที่มีผลต่อสังคมไทย ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญ 24.80%
เพราะ คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องเฉพาะกับคนบางกลุ่ม คดีส่วนใหญ่ที่มาถึงชั้นศาลฎีกาคงจะเป็นคดีสำคัญๆ ฯลฯ
อันดับ 4 ไม่ให้ความสำคัญ 6.50%
เพราะ ไม่เข้าใจเนื้อหารายละเอียด และคิดว่าไม่น่าจะมีผลต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ฯลฯ
อันดับ 1 พอให้ความสำคัญอยู่บ้าง 54.47%
เพราะ คนในสังคมต่างมีความคิดเห็นแตกต่างกันไป จะเลือกรับฟังหรือฟังจากผู้ที่มีความรู้จริง เป็นที่รู้จักและน่าเชื่อถือ ฯลฯ
อันดับ 2 ให้ความสำคัญมาก 29.67%
เพราะ จะได้รู้ถึงความคิดเห็น ของคนส่วนใหญ่ว่าเป็นไปในทิศทางใด เป็นข้อมูลไว้สำหรับประกอบการตัดสินใจ ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญ 14.63%
เพราะ สังคมในปัจจุบันแบ่งเป็นกลุ่มเป็นพวก มีความคิดเห็นแบ่งข้างแบ่งฝ่าย การฟังความข้างเดียวไม่เปิดกว้าง ฯลฯ
อันดับ 4 ไม่ให้ความสำคัญ 1.23%
เพราะ เชื่อมั่นในความคิดเห็นของตนเองมากกว่า มากคนยิ่งมากความ ฯลฯ
อันดับ 1 ค่อนข้างมีผล 42.04%
เพราะ ความคิดเห็นหรือเสียงสะท้อนจากสังคมมาจากประชาชนส่วนใหญ่ จึงควรรับฟังไว้เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่ค่อยมีผล 24.49%
เพราะ การพิจารณาตัดสินของศาลจะดูจากพยานหลักฐาน พยานวัตถุ และพยานบุคคลในการพิจารณามากกว่า ฯลฯ
อันดับ 3 มีผลอยู่มาก 20.41%
เพราะ กระแสสังคมหรือเสียงสะท้อนของคนส่วนใหญ่สามารถกดดันหรือส่งผลต่อการพิจารณาของศาลได้ ฯลฯ
อันดับ 4 ไม่มีผล 13.06%
เพราะ คำพิพากษาตัดสินต่างๆจะต้องว่าไปตามตัวบทกฎหมายที่ระบุไว้อย่างชัดเจน ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้เอง ฯลฯ
อันดับ 1 ค่อนข้างเชื่อถือ /เชื่อมั่น 46.34%
เพราะ เป็นคำพิพากษาที่ผ่านการกลั่นกรองมาแล้วหลายขั้น ยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทย ฯลฯ
อันดับ 2 เชื่อถือ /เชื่อมั่นมาก 27.64%
เพราะ องค์คณะหรือผู้พิพากษามีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย มีการตัดสินที่เป็นธรรม เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่ค่อยเชื่อถือ /เชื่อมั่น 23.58%
เพราะ มีหลายคดีที่เห็นว่าผลการตัดสินไม่มีความยุติธรรม มีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ฯลฯ
อันดับ 4 ไม่เชื่อถือ /เชื่อมั่น 2.44%
เพราะ มีการแทรกแซงจากผู้มีอิทธิพลและนักการเมือง ถูกกดดันจากสังคม ฯลฯ