สถานการณ์ทางการเมือง ณ วันนี้ มีปัญหาต่าง ๆเข้ามารุมเร้า ทั้งการชุมนุมประท้วงของผู้ชุมนุมชาวสวนยาง ผู้ชุมนุมเขาพระวิหาร รวมถึงผู้ชุมนุมอันเนื่องมาจากการผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ส่งผลให้อุณหภูมิทางการเมืองของประเทศไทยยิ่งเพิ่มความร้อนแรงมากขึ้นเป็นทวีคูณ สร้างความวิตกกังวลและความหนักใจให้กับประชาชนไทยอย่างกว้างขวาง เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อ “ความหนักใจ” เกี่ยวกับการเมืองไทย ณ วันนี้ “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้สอบถามความคิดเห็นของประชาชนที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 1,229 คน ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม — 2 พฤศจิกายน 2556 สรุปผลดังนี้
อันดับ 1 การชุมนุมประท้วง กรณี กฎหมายนิรโทษกรรม 54.25% สาเหตุที่หนักใจ กลายเป็นประเด็นยืดเยื้อที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ก่อให้เกิดสถานการณ์บานปลายและคาดว่าจะรุนแรง มากขึ้น คนในสังคมเกิดการแตกแยก ออกมาเคลื่อนไหวจำนวนมาก กลัวว่าจะเกิดการปะทะกัน ฯลฯ วิธีการแก้ ควรชุมนุมประท้วงอย่างสันติ อยู่ภายใต้กฎหมาย ทุกฝ่ายควรหันหน้าเข้าหากัน พูดคุยกันด้วยเหตุผล นำอดีตที่ผ่านมาใช้เป็นบทเรียนในการแก้ปัญหา ฯลฯ อันดับ 2 การทุจริต คอรัปชั่น ใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิด เล่นพรรคเล่นพวก 31.97% สาเหตุที่หนักใจ การเมืองไทยยังมีระบบอุปถัมภ์เข้ามาเกี่ยวข้อง นักการเมืองขาดคุณธรรม จริยธรรม มุ่งแต่ กอบโกยผลประโยชน์ เห็นการกระทำผิดเป็นเรื่องธรรมดา รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ และไม่เอาจริง เอาจังพอ ฯลฯ วิธีการแก้ ต้องมีการลงโทษอย่างจริงจัง อย่าลูบหน้าปะจมูก ใช้กฎหมายลงโทษที่รุนแรง ไม่ละเว้นผู้กระทำผิด ประชาชนควรมีส่วนร่วมในการตรวจสอบและชี้เบาะแสการทุจริต ประชาชนไม่ควรเลือกนักการเมืองที่มีพฤติกรรม หรือประวัติด่างพร้อยมาทำงาน ฯลฯ อันดับ 3 ความขัดแย้งแตกแยก ขาดความสามัคคีของนักการเมือง มุ่งเอาชนะคะคานกัน 13.78% สาเหตุที่หนักใจ ทำให้ประเทศชาติไม่พัฒนา ล้าหลัง นักการเมืองต้องการแต่อำนาจ มุ่งเอาชนะ คะคานอย่างเดียว ไม่ฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน ไม่คำนึงถึงผลเสียหรือภาพลักษณ์ของประเทศชาติ ฯลฯ วิธีการแก้ นักการเมืองควรมีจิตสำนึก มีคุณธรรมจริยธรรม เห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ ลดทิฐิ ไม่ยึดเอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่ ฯลฯ
--สวนดุสิตโพลล์--