ในอดีตที่ผ่านมาสถานการณ์ทางการเมืองไทยมีแต่ความขัดแย้ง วุ่นวาย หลังจากที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ได้เข้ามาบริหารประเทศและให้ความสำคัญกับการปฏิรูปในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการเมือง ทำให้มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ส่งผลให้ประชาชนมีทัศนคติต่อการเปลี่ยนแปลงในมุมมองที่แตกต่างกันออกไป เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,321 คน สำรวจระหว่างวันที่ 1-5 สิงหาคม 2559 สรุปผลได้ ดังนี้
อันดับ 1 อยากเห็นการเมืองไทยเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น มั่นคง เป็นประชาธิปไตย 73.20% อันดับ 2 การเมืองมีผลต่อการพัฒนาประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชน 72.07% อันดับ 3 กำลังเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญ ทำให้ประชาชนตื่นตัว สนใจ ติดตามข่าวมากขึ้น 70.33% อันดับ 4 ยังคงมีการทะเลาะเบาะแว้ง ขัดแย้ง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย 67.83% อันดับ 5 สถานการณ์โดยรวมถือว่าดีกว่าที่ผ่านมา รัฐบาลสามารถควบคุมดูแลได้ 49.43% 2. เมื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมืองไทย ระหว่างก่อนและหลังที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เข้ามาบริหารบ้านเมือง ประชาชนคิดว่าเป็นอย่างไร? อันดับ 1 ดีขึ้น 44.74% เพราะ บ้านเมืองสงบ ไม่มีการชุมนุมเคลื่อนไหว มีอำนาจพิเศษตามมาตรา 44 ในการดูแลรักษาความสงบ เรียบร้อยของบ้านเมือง รัฐบาลมีความตั้งใจในการทำงาน นายกฯเป็นคนเด็ดขาด เอาจริงเอาจัง ฯลฯ อันดับ 2 เหมือนเดิม 32.10% เพราะ ปัญหาบ้านเมืองมีหลายเรื่องที่ต้องแก้ไข โดยเฉพาะความขัดแย้งทางการเมืองและการทุจริตคอรัปชั่น ต้องอาศัยเวลา การทำงานของรัฐบาลมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ฯลฯ อันดับ 3 แย่ลง 23.16% เพราะ การเมืองไทยแบ่งเป็นฝ่ายชัดเจน เป็นสาเหตุของความวุ่นวาย ทำให้สังคมแตกแยก เศรษฐกิจตกต่ำ ฯลฯ 3. ประชาชนคาดการณ์ว่า “การเมืองไทย” ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร? อันดับ 1 ยังคงมีความขัดแย้ง ทะเลาะเบาะแว้ง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย 74.49% อันดับ 2 ยังคงมีปัญหาทางการเมือง นักการเมืองยังเห็นแก่อำนาจและประโยชน์ส่วนตน 64.02% อันดับ 3 น่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น มีการเลือกตั้ง เป็นไปตามโรดแมปที่วางไว้ 62.53% อันดับ 4 มีคสช.ดูแลบริหารบ้านเมืองเหมือนเดิม 60.94% อันดับ 5 ถูกจับตามอง ทั้งจากภายในและต่างประเทศ 51.22%
--สวนดุสิตโพล--