/
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ประชาชนต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและปรับรูปแบบเป็นการทำงานที่บ้านหรือ Work From Home (WFH) เป็นการปฏิบัติตามนโยบายของภาครัฐและช่วยลดวามเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน ?สวนดุสิตโพล? มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,553 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 10-13 พฤษภาคม 2564 สรุปผลได้ ดังนี้
ทำงานที่บ้าน 42.72% ทำทั้งที่บ้านและที่ทำงาน 34.45% ไม่ได้ทำงานที่บ้าน 22.83% 2. ความคิดเห็นที่มีต่อการทำงานที่บ้าน (Work From Home) อันดับ 1 รู้สึกปลอดภัย/ช่วยลดการแพร่เชื้อโควิด-19 74.82% อันดับ 2 เป็นการปฏิบัติตามนโยบายภาครัฐ/ให้ความร่วมมือในการอยู่บ้าน 48.60% อันดับ 3 มีเวลาให้ตัวเองและครอบครัวมากขึ้น 44.05% อันดับ 4 อุปกรณ์ เครื่องมือไม่พร้อม ไม่เอื้อต่อการทำงาน 40.53% อันดับ 5 บรรยากาศไม่เหมือนกับที่ทำงาน 39.04% 3. ข้อดี-ข้อเสีย ของการทำงานที่บ้าน (Work From Home) ที่ ข้อดี ภาพรวม ที่ ข้อเสีย ภาพรวม 1 ลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 88.33% 1 ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น ค่าน้ำ-ไฟ อินเทอร์เน็ต 65.80% 2 ประหยัดค่าเดินทาง 70.19% 2 อุปกรณ์ เครื่องมือไม่สะดวกเหมือนที่ทำงาน 62.08% 3 ได้ช่วยและให้ความร่วมมือกับภาครัฐ 60.73% 3 การสื่อสาร การติดต่อประสานงานช้า 45.97% 4. ความสำเร็จของผลงานจากการทำงานที่บ้าน (Work From Home) สำเร็จประมาณ 70.33% 5. ความชื่นชอบเปรียบเทียบระหว่างการทำงาน ?ที่ทำงาน? กับทำงาน ?ที่บ้าน? อันดับ 1 ชอบทั้ง 2 แบบพอๆกัน 37.17% อันดับ 2 ชอบการทำงานที่ทำงานมากกว่า 36.13% อันดับ 3 ชอบการทำงานที่บ้านมากกว่า 18.10% อันดับ 4 เฉยๆ 8.60% 6. ความคิดเห็นที่มีต่อนโยบายการทำงานที่บ้าน (Work From Home) จะช่วยลดการแพร่เชื้อโควิด-19 ได้หรือไม่ ช่วยได้ 82.66% ไม่แน่ใจ 13.14% ช่วยไม่ได้ 4.20% *หมายเหตุ ผู้ตอบสามารถระบุความคิดเห็นได้มากกว่า 1 เรื่อง (ค่าร้อยละจึงคำนวณในแต่ละข้อ) สรุปผลการสำรวจ : พฤติกรรมของคนไทยกับการทำงานที่บ้าน (Work From Home)
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณี ?พฤติกรรมของคนไทยกับการทำงานที่บ้าน (Work From Home)? กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,553 คน สำรวจวันที่ 10 ? 13 พฤษภาคม 2564 พบว่า ในช่วงนี้คนไทยทำงานที่บ้าน ร้อยละ 42.72 และทำทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ร้อยละ 34.45 โดยเห็นว่าการทำงานที่บ้าน (WFH) ทำให้รู้สึกปลอดภัย ลดการแพร่เชื้อโควิด-19 ร้อยละ 74.82 ข้อดีของการทำงานที่บ้าน (WFH) คือ ลดการแพร่ระบาดของโรค ร้อยละ 88.33 ข้อเสีย คือ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ร้อยละ 65.80 จากการทำงานที่บ้านผลงานประสบความสำเร็จร้อยละ 70.33 ส่วนความชื่นชอบต่อรูปแบบการทำงาน พบว่า ชอบทั้งการทำงานที่บ้านและการทำงาน ที่ทำงาน ร้อยละ 37.17 และเห็นว่านโยบายการทำงานที่บ้านนั้นช่วยลดการแพร่เชื้อโควิด-19 ได้ ร้อยละ 82.66
ในระยะเวลาปีกว่าที่ภาคประชาชนให้ความร่วมมือด้วยการทำงานที่บ้าน (WFH) และปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังตัวเองอย่างเคร่งครัด เพราะต้องการให้สถานการณ์โควิด-19 นั้น ?เจ็บแต่จบ? เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว ในส่วนของภาครัฐเองก็ต้องเร่งมาตรการอื่น ๆ ไปพร้อมกันด้วย ทั้งการรับมือและเร่งการฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้
นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต โทร 086-3766533
การทำงานที่บ้าน (Work From Home) เป็นแนวคิดช่วยลดต้นทุนทางเศรษฐกิจ ถึงแม้การทำงานที่บ้านจะทำให้มีค่าสาธารณูปโภคที่เพิ่มมากขึ้น แต่ภาครัฐก็ได้ออกมาตรการเยียวยาเป็นการแบ่งเบาประชาชน ซึ่งการทำงานที่บ้านจะเกิดประสิทธิภาพได้นั้น ควรแยกเวลาทำงานและเวลาส่วนตัว (Work Time and Personal Time) เพื่อกำหนดชั่วโมงการทำงานและความสำเร็จของงาน และองค์กรก็ควรกำหนดนโยบาย (Policy) ให้ชัดเจนในเรื่องการทำงานที่บ้าน นำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ สร้างสำนักงานเสมือน (Virtual Office) สนับสนุนการใช้แพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันในการสื่อสารและทำงานร่วมกันในองค์กร หรือพัฒนารูปแบบการทำงานเป็นแบบไฮบริด (Hybrid model) ที่เน้นการทำงานแบบผสมผสาน พนักงานสามารถเลือกทำงานจากที่บ้านหรือที่สำนักงานได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าการทำงานที่บ้าน ?ทำให้เกิดสิ่งใหม่? นั่นคือ ?วิถีการทำงานรูปแบบใหม่? และยังเป็นการช่วยลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อีกด้วย
ผศ.ทิพสุดา คิดเลิศ
รองผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต