/
อันดับ 1 ประสิทธิภาพของวัคซีน และอาการข้างเคียง 72.41% อันดับ 2 มาตรการของภาครัฐในพื้นที่ควบคุม พื้นที่เสี่ยง 71.23% อันดับ 3 สถานที่รองรับผู้ป่วย โรงพยาบาลสนาม จำนวนเตียง 68.38% อันดับ 4 วิธีการรักษาโควิด-19 ผลการศึกษาวิจัย 62.49% อันดับ 5 วิธีสังเกตอาการโควิด-19 การดูแลสุขภาพ 61.25% 2. ในช่วงวิกฤตินี้ ประชาชนเลือกเชื่อถือข้อมูลจากแหล่งใด อันดับ 1 แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ 65.30% อันดับ 2 ผู้ที่น่าเชื่อถือ เช่น นักวิชาการ นักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญ อินฟลูเอนเซอร์ 59.75% อันดับ 3 สื่อโซเชียล เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม 46.98% 3. ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ประชาชนรู้สึกอย่างไรกับข้อมูลข่าวสารในช่วงนี้ สับสนมาก 43.99% ค่อนข้างสับสน 40.75% ไม่สับสน 15.26% 4. ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโควิด-19 เรื่องใดที่ทำให้ประชาชนสับสน อันดับ 1 การบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาล การจอง-เลื่อนฉีดวัคซีน 74.61% อันดับ 2 การฉีดวัคซีนแบบสลับยี่ห้อ วัคซีนเข็มที่ 3 73.11% อันดับ 3 ความปลอดภัย ประสิทธิภาพ อาการข้างเคียงของวัคซีน 72.23% อันดับ 4 การล็อกดาวน์ ปิดสถานประกอบการ การเยียวยา 66.23% อันดับ 5 การควบคุมพื้นที่ การเดินทางเข้า-ออกแต่ละจังหวัด 55.53% 5. สิ่งที่ประชาชนปฏิบัติเมื่อได้รับข้อมูลข่าวสารในช่วงวิกฤติโควิด-19 อันดับ 1 ดูแลตัวเองมากขึ้น 90.78% อันดับ 2 ดูแลคนในครอบครัวมากขึ้น 81.07% อันดับ 3 หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน การพบปะผู้คน 79.95% อันดับ 4 หาข้อมูลในการป้องกันตนเองและคนรอบข้างจากโควิด-19 59.84% อันดับ 5 หาช่องทางในการได้รับวัคซีน 46.82% 6. จากการติดตามข้อมูลข่าวสารในช่วงวิกฤติโควิด-19 ประชาชนมีความวิตกกังวลในระดับใด อันดับ 1 วิตกกังวลมาก จนเริ่มรบกวนชีวิตประจำวัน 36.34% อันดับ 2 วิตกกังวลในระดับปานกลาง/เป็นระยะ ๆ 30.31% อันดับ 3 วิตกกังวลมากที่สุดจนเกิดพฤติกรรมย้ำคิดย้ำทำและหวาดกลัว (panic) 22.17% อันดับ 4 วิตกกังวลเล็กน้อย 9.07% อันดับ 5 ไม่กังวลเลย 2.11% *หมายเหตุ ผู้ตอบสามารถระบุความคิดเห็นได้มากกว่า 1 เรื่อง (ค่าร้อยละจึงคำนวณในแต่ละข้อ) สรุปผลการสำรวจ : ข่าวสารในช่วงวิกฤติโควิด-19 สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณี ?ข่าวสารในช่วงวิกฤติ โควิด-19? กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,619 คน ระหว่างวันที่ 19-22 กรกฎาคม 2564 พบว่า ประชาชนสนใจข่าวประสิทธิภาพของวัคซีนและอาการข้างเคียงมากที่สุด ร้อยละ 72.41 เลือกเชื่อถือข้อมูลจากแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ ร้อยละ 65.30 ข้อมูลข่าวสารทำให้รู้สึกสับสนมาก ร้อยละ 43.99 โดยสับสนข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาล การจองและเลื่อนฉีดวัคซีนมากที่สุด ร้อยละ 74.61 เมื่อได้รับข้อมูลข่าวสารจะดูแลตัวเองมากขึ้น ร้อยละ 90.78 และภาพรวมเมื่อรับรู้ข้อมูลข่าวสารแล้วรู้สึกวิตกกังวลมากจนเริ่มรบกวนชีวิตประจำวัน ร้อยละ 36.34
ในขณะที่พรบ.คอมพิวเตอร์กำหนดบทลงโทษที่ไม่น้อย หากมีการแชร์หรือโพสต์ข้อความผิดกฎหมาย แต่ประชาชนก็ยังมีความเชื่อถือข้อมูลจากแหล่งสื่อโซเชียลมากขึ้น ถึงแม้ว่าการรับรู้ข้อมูลจำนวนมากเหล่านั้นจะทำให้เกิดความสับสนหรือวิตกกังวลอย่างมากตามมาก็ตาม ประเด็นนี้สะท้อนให้เห็นว่าการบริหารจัดการข้อมูลของภาครัฐนั้นยังไม่ตรงใจประชาชน การสื่อสารที่ล่าช้าและเปลี่ยนแปลงข้อมูลไปมาจึงเป็นจุดอ่อนหลักที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขโดยเร็ว
นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต โทร 086-3766533
ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้มีนโยบายบริหารจัดการวัคซีนที่เป็นสูตรผสมระหว่าง Sinovac เข็มที่ 1 กับ AstraZeneca เข็มที่ 2 รวมถึงได้ออกมาตรการควบคุมสูงสุดในจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดสูง จากผลการสำรวจประชาชนจึงให้ความสนใจเกี่ยวกับวัคซีนและมาตรการของภาครัฐ โดยพบว่าประชาชนสับสนกับข้อมูลข่าวสารในช่วงนี้จนทำให้ มีความรู้สึกวิตกกังวล เมื่อรัฐบาลบริหารงานแบบรวมอำนาจที่นายกรัฐมนตรี การให้ข่าวสารก็ควรมาจากคณะกรรมการ ชุดใหญ่เพียงเท่านั้น โดยมีกรมสุขภาพจิตเข้ามามีบทบาทช่วยในการรับมือภาวะความเครียดและการวิตกกังวลของประชาชน มิเช่นนั้นอาจมีปัญหาด้านสุขภาพจิตและส่งผลถึงการฆ่าตัวตายที่สูงขึ้นตามมา เมื่อได้รับข้อมูลข่าวสารแล้วประชาชนต้องดูแลตัวเองมากขึ้น ยิ่งตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อการบริหารจัดการของภาครัฐ ดังนั้นรัฐบาลจึงควรมีมาตรฐานในการสื่อสารให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ามีระบบที่พร้อมดูแลช่วยเหลือในช่วงวิกฤติโรคระบาดในครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์เองก็ต้องเข้ามามีบทบาทและเอาจริงเอาจังกับการควบคุมราคาสินค้า เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมประชาชนในช่วงสภาวะวิกฤติในปัจจุบัน
รองศาสตราจารย์ ดร.ชนะศึก นิชานนท์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพัฒนาการศึกษา มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
ที่มา: สวนดุสิตโพล