สถานการณ์ทางการเมืองในช่วงนี้กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง การลงพื้นที่ของพรรคการเมืองต่าง ๆ ทำให้ถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่หรือไม่ เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,186 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 25-28 ตุลาคม 2564 สรุปผลได้ ดังนี้
อันดับ 1 ความแตกแยกในพรรคการเมือง 60.09% อันดับ 2 สร้างกระแสให้กับตนเองและพรรค 50.06% อันดับ 3 เป็นเกมการเมือง 49.26% อันดับ 4 น่าจะมีการเลือกตั้ง 49.14% อันดับ 5 เป็นการเบี่ยงเบนประเด็นจากโควิด-19 43.56% 2. ประชาชนคิดว่าจะมีการเลือกตั้ง ส.ส. ในต้นปี 2565 หรือไม่ น่าจะมีการเลือกตั้ง 57.86% ไม่น่าจะมีการเลือกตั้ง 28.36% ไม่แน่ใจ 13.78% 3. ประชาชนคิดอย่างไร กรณีหากมีการเลือกตั้งใหม่ อันดับ 1 จะได้เปลี่ยนรัฐบาล 58.31% อันดับ 2 เปิดโอกาสให้คนใหม่ ๆ เข้ามาแก้ไขปัญหา 56.26% อันดับ 3 ได้เปลี่ยนนายกรัฐมนตรี 50.80% อันดับ 4 เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง 43.17% อันดับ 5 ประชาชนได้ใช้สิทธิตามระบอบประชาธิปไตย 42.03% 4. ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ ประชาชนคิดว่าพรรคใดจะได้รับเลือกตั้งมากที่สุด อันดับ 1 เพื่อไทย 32.94% อันดับ 2 ก้าวไกล 25.21% อันดับ 3 พลังประชารัฐ 24.61% อันดับ 4 ประชาธิปัตย์ 6.18% อันดับ 5 ภูมิใจไทย 4.28% 5. ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ ประชาชนอยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี อันดับ 1 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 28.67% อันดับ 2 ประยุทธ์ จันทร์โอชา 21.27% อันดับ 3 สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 19.35% อันดับ 4 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 8.84% อันดับ 5 พจมาน ดามาพงศ์ 6.09% 6. โดยภาพรวม ประชาชนคิดว่าถึงเวลาเลือกตั้งใหม่แล้วหรือยัง ถึงเวลาแล้ว 70.29% ยังไม่ถึงเวลา 22.79% ไม่แน่ใจ 6.92% *หมายเหตุ ผู้ตอบสามารถระบุความคิดเห็นได้มากกว่า 1 เรื่อง (ค่าร้อยละจึงคำนวณในแต่ละข้อ) สรุปผลการสำรวจ : ความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองในสายตาประชาชน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณี ความเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง กลุ่มตัวอย่าง 1,186 คน ระหว่างวันที่ 25-28 ตุลาคม 2564 พบว่า ประชาชนมองว่าการเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่าง ๆ ณ วันนี้ แสดงให้เห็นถึงความแตกแยกในพรรคการเมือง ร้อยละ 60.09 คิดว่าน่าจะมีการเลือกตั้ง ส.ส. ในต้นปี 2565 ร้อยละ 57.86 หากมีการเลือกตั้งใหม่ก็จะทำให้ได้เปลี่ยนรัฐบาล ร้อยละ 58.31 ถ้ามีการเลือกตั้งคิดว่าพรรคเพื่อไทยน่าจะได้คะแนนเสียงมากที่สุด ร้อยละ 32.94 รองลงมาคือ ก้าวไกล ร้อยละ 25.21 นายกรัฐมนตรีที่อยากได้ คือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 28.67 รองลงมาคือ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 21.27 โดยภาพรวมประชาชนคิดว่าถึงเวลา แล้วที่จะเลือกตั้งใหม่ ร้อยละ 70.29 การขยับตัวของพรรคการเมืองทั้งพรรคเล็กพรรคใหญ่ในช่วงนี้ ดูเหมือนจะเป็นการเตรียมตัวรับการเลือกตั้งใหม่ ที่อาจจะเกิดขึ้นไวกว่ากำหนดเดิม ถึงแม้ประชาชนจะมองว่าการเคลื่อนไหวของแต่ละพรรคในช่วงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความแตกแยกภายในพรรคและเป็นเพียงการสร้างกระแส แต่ก็ต้องยอมรับว่าฝ่ายประชาชนเองก็ลุ้นอยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว กระแสของพรรคเพื่อไทยยังคงไปได้ด้วยดี แต่กระแสนายกฯจากการสำรวจครั้งนี้กลับเป็นพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่มีกระแสดีมากขึ้น ต้องมารอดูกันว่าถ้ามีการเลือกตั้งจะมีการเปลี่ยนขั้วการเมืองได้จริงหรือไม่ เพราะการเมืองเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และทุกความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองนั้นก็อยู่ในสายตาของประชาชนเสมอ
นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต โทร 086-3766533
ความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองไทยในช่วงเวลานี้ เช่น การลงพื้นที่ การประกาศตัวว่าที่ผู้สมัครสส. การประกาศตัวว่าที่นายกรัฐมนตรี ล้วนเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงการยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่รัฐสภามีมติเห็นชอบวาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสส. โดยกำหนดให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบแทนที่การใช้บัตรเลือกตั้งแบบ 1 ใบ รวมถึงมี สส.แบบแบ่งเขต 400 คน (จากเดิม 350 คน) และมี สส.บัญชีรายชื่อ 100 คน (จากเดิม 150 คน) ถึงแม้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะออกมายืนยันว่าไม่มีทางยุบสภา แต่การเมืองเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน ทุกสิ่งสามารถเกิดขึ้นได้ โดยตัวเร่งที่เป็นปัจจัยให้นายกรัฐมนตรี จะตัดสินใจยุบสภา คือเหตุภายในสภาเรื่องความแตกแยกภายในพรรคพลังประชารัฐที่ยากเกินจะเยียวยา ความไร้เสถียรภาพของพรรคร่วมรัฐบาล อุบัติเหตุทางการเมือง หรือเหตุภายนอกสภาที่อาจจะเป็นเหตุแทรกแซงได้ทุกเมื่อ อาจารย์ชมพูนุท วิริยะสุนทร อาจารย์ประจำโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ที่มา: สวนดุสิตโพล