/
อันดับ 1 เป็นเรื่องธรรมดาของการเมือง มีแพ้มีชนะ 41.30% อันดับ 2 คนไปใช้สิทธิน้อยกว่าที่คาดไว้ 40.45% อันดับ 3 พรรคฝ่ายรัฐบาลอาจอยู่ในช่วงขาลง 38.95% อันดับ 4 ประชาชนให้โอกาสกับพรรคการเมืองใหม่ ๆ มากขึ้น 37.06% อันดับ 5 พรรคต้องเลือกผู้สมัครที่ดี ถูกใจประชาชน 36.12% 2. จากผลการเลือกตั้งซ่อมหลักสี่-จตุจักร ประชาชนสมหวังหรือไม่ อันดับ 1 เฉยๆ 48.27% อันดับ 2 สมหวัง 39.64% อันดับ 3 ผิดหวัง 12.09% 3. ประชาชนคิดว่าผลการเลือกตั้งซ่อมหลักสี่-จตุจักร จะส่งผลต่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. อย่างไร อันดับ 1 ผู้สมัครต้องปรับกลยุทธ์การทำงาน ขยันลงพื้นที่ 67.04% อันดับ 2 ทำให้มีการแข่งขันสูงขึ้น 53.07% อันดับ 3 ประชาชนสนใจการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มากขึ้น 51.56% อันดับ 4 พรรคการเมืองได้เห็นแนวทางในการส่งผู้ลงสมัคร 39.28% อันดับ 5 อยากให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. โดยเร็ว 38.15% 4. จากผลการเลือกตั้งซ่อมหลักสี่-จตุจักร ประชาชนคิดว่ามีผลกระทบต่อการเมืองไทยในภาพรวมหรือไม่ อันดับ 1 มีผลกระทบ 60.83% อันดับ 2 ไม่มีผลกระทบ 39.17% 5. ประชาชนคิดว่าการเมืองไทยหลังการเลือกตั้งซ่อมหลักสี่-จตุจักร จะเป็นอย่างไร อันดับ 1 ประชาชนจับตาดูผลงานของนักการเมืองมากขึ้น 77.13% อันดับ 2 การหาเสียงดุเดือด บรรยากาศทางการเมืองร้อนแรงมากขึ้น 60.44% อันดับ 3 พรรคการเมืองต้องปรับกลยุทธ์การทำงาน 46.30% อันดับ 4 อาจมีการปรับ ครม. ยุบสภา 39.18% อันดับ 5 น่าจะมีการซื้อเสียงมากขึ้น 33.59%
*หมายเหตุ ผู้ตอบสามารถระบุความคิดเห็นได้มากกว่า 1 เรื่อง (ค่าร้อยละจึงคำนวณในแต่ละข้อ)
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,067 คน ระหว่างวันที่ 31 มกราคม ? 3 กุมภาพันธ์ 2565 พบว่า ประชาชนมองว่าการเลือกตั้งซ่อม เขต 9 กทม. ครั้งนี้เป็นเรื่องธรรมดาของการเมือง มีแพ้มีชนะ ร้อยละ 41.30 รองลงมาคือ มองว่าคนไปใช้สิทธิน้อยกว่าที่คาดไว้ ร้อยละ 40.45 จากผลการเลือกตั้งซ่อมรู้สึกสมหวัง ร้อยละ 39.64 รู้สึกผิดหวัง ร้อยละ 12.09 และรู้สึกเฉย ๆ ร้อยละ 48.27 โดยมองว่าผลการเลือกตั้งซ่อมส่งผลต่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในด้านผู้สมัครที่จะต้องปรับกลยุทธ์การทำงาน ขยันลงพื้นที่ ร้อยละ 67.04 และคาดว่าจะมีผลกระทบต่อการเมืองไทยในภาพรวม ร้อยละ 60.83 ไม่มีผลกระทบ ร้อยละ 39.17 ทั้งนี้การเมืองไทยหลังการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ประชาชนจับตาดูผลงานของนักการเมืองมากขึ้น ร้อยละ 77.13 รองลงมาคือ การหาเสียงดุเดือด บรรยากาศทางการเมืองร้อนแรงมากขึ้น ร้อยละ 60.44 ผลการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้นอกจากจะเป็นการเพิ่มเสียงให้พรรคฝ่ายค้านในสภาอีก 1 เสียงแล้ว ก็ยังช่วยฉายภาพให้เห็นทิศทางของการเมืองไทยชัดเจนมากขึ้น โดยประชาชนก็จะจับตาดูผลงานของนักการเมืองอย่างใกล้ชิด ดังนั้น ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจึงต้องเร่งทำงานช่วยเหลือประชาชน กอบกู้ภาพ ส.ส.สภาล่ม เพราะสิ่งนี้อาจนำไปสู่การตัดสินใจของประชาชนในวันเลือกตั้งใหญ่ได้ นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต โทร 086-3766533
การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งซ่อมเพียงหนึ่งเขต ประกอบกับอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ยัง ไม่คลี่คลายจึงอาจทำให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิลดลง จากผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่าการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เป็นเพียงการประลองกำลังความนิยมของพรรคการเมือง แต่ถ้าหากว่าพรรคพลังประชารัฐยังไม่มีการปรับกลยุทธ์ทั้งตัวผู้สมัครที่จะต้องลงพื้นที่เพื่อเข้าถึงประชาชน ความสั่นคลอนภายในพรรคที่ดูเหมือนยังหาจุดลงตัวไม่ได้ ประกอบกับความนิยมในตัวนายกรัฐมนตรีลดลง และหากการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคพลังประชารัฐไม่สามารถสรรหาคนที่มีราคาเพียงพอ ที่คนกรุงเทพฯ จะซื้อได้ เกิดพ่ายแพ้ในสนามผู้ว่าฯ กทม.อีก เป็นไปได้ว่าการเลือกตั้งใหญ่ในปีหน้าพรรคพลังประชารัฐอาจไปไม่ถึงการได้เป็นรัฐบาล และอาจล่มสลายแปรเปลี่ยนไปรวมกับพรรคอื่น หรือตั้งพรรคใหม่ นับจากนี้คงต้องห้ามกระพริบตาเพราะการเมืองไทยผันแปรได้เสมอ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เบญจพร พึงไชย ผู้ช่วยคณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต โทร 086-3885809