/
ดูแลมากขึ้น 72.74% ดูแลเหมือนเดิม 26.57% ดูแลน้อยลง 0.69% 2. ประชาชนมีวิธีการดูแลสุขภาพของตนเองในช่วงโควิด-19 อย่างไร อันดับ 1 ดื่มน้ำมาก ๆ 72.32% อันดับ 2 กินอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ 69.81% อันดับ 3 พักผ่อนให้เพียงพอ 68.60% อันดับ 4 ตรวจเช็คสุขภาพ ตรวจ ATK เป็นประจำ 64.79% อันดับ 5 พยายามไม่เครียด ไม่คิดมาก 57.79% 3. ประชาชนคิดว่า ?การมีสุขภาพดี? ควรเริ่มต้นอย่างไร อันดับ 1 นอนหลับให้เพียงพอ 75.91% อันดับ 2 เลือกกินอาหารที่ดี มีประโยชน์ 72.44% อันดับ 3 ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง 68.02% อันดับ 4 เริ่มจากจิตใจ ไม่เครียด อารมณ์ดี สุขภาพจิตดี 64.04% อันดับ 5 หาข้อมูลความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ มีความเข้าใจที่ถูกต้อง 61.70% 4. ในขณะที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ประชาชนคิดว่าการดูแลสุขภาพเพื่อการชะลอวัย (Anti-Aging) มีความจำเป็นหรือไม่ จำเป็น 96.38% ไม่จำเป็น 3.62% 5. ประชาชนมีค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพของตนเอง (เช่น ฟิตเนส อาหารเสริม วิตามิน คลินิกสถาบันเสริมความงาม นวด กายภาพ ATK ฯลฯ) โดยเฉลี่ยเดือนละ 2,129.07 บาท 6. สิ่งที่ประชาชนอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพมีเรื่องใดบ้าง อันดับ 1 การฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่าง ๆ 52.99% อันดับ 2 การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม 51.43% อันดับ 3 การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับวัย 47.97% อันดับ 4 การชะลอวัย (Anti-Aging) 47.62% อันดับ 5 การดูแลความอ่อนเยาว์ของใบหน้า 44.33% *หมายเหตุ ผู้ตอบสามารถระบุความคิดเห็นได้มากกว่า 1 เรื่อง (ค่าร้อยละจึงคำนวณในแต่ละข้อ) สรุปผลการสำรวจ : การดูแลสุขภาพของคนไทย ณ วันนี้
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,159 คน ระหว่างวันที่ 21-28 กรกฎาคม 2565 พบว่า โควิด-19 ทำให้คนไทยหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเองมากขึ้น ร้อยละ 72.74 ส่วนใหญ่ดูแลสุขภาพตนเองด้วยการดื่มน้ำมาก ๆ ร้อยละ 72.32 กินอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ ร้อยละ 69.81 ทั้งนี้คิดว่าการมีสุขภาพดีควรเริ่มต้นด้วยการนอนหลับให้เพียงพอ ร้อยละ 75.91 ในขณะที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์กลุ่มตัวอย่างคิดว่าการดูแลสุขภาพเพื่อการชะลอวัย (Anti-Aging) มีความจำเป็น ร้อยละ 96.38 ส่วนในเรื่องค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพของตนเองมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเดือนละ 2,129.07 บาท สิ่งที่อยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพอันดับ 1 คือ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่าง ๆ ร้อยละ 52.99 รองลงมาคือ การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ร้อยละ 51.43 มูลค่าของเศรษฐกิจสุขภาพ (Wellness Economy) เติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงโควิด-19 คนไทยเองมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพเฉลี่ยเดือนละสองพันกว่าบาท ซึ่งเป็นส่วนที่จำเป็นต้องจ่ายและยังเห็นว่าเรื่องการดูแลสุขภาพเพื่อเข้าสู่สังคมสูงวัยเป็นสิ่งจำเป็น ภาครัฐจึงควรเร่งผลักดันนโยบายที่ส่งเสริมทั้งภาคเศรษฐกิจสุขภาพและการดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนไปพร้อม ๆ กัน
การสนทนากลุ่ม เรื่อง Care Economy : สุขภาพดีเพื่อชีวิตที่ยืนยาว เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2565 ผู้เข้าร่วมการสนทนากลุ่ม ประกอบด้วย นักวิชาการทางการแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ดารานักแสดงและผู้ที่ให้ความใส่ใจด้านสุขภาพ จำนวน 7 ท่าน พบว่า ประเด็นแรกสุขภาพที่ดี ประกอบไปด้วย 4 มิติ ได้แก่ การพักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานอาหารที่ดี มีประโยชน์ การดูแลสภาพจิตใจของตนเองให้ผ่อนคลาย ไม่เครียด และการดูแลร่างกายให้ดีด้วยการออกกำลังกาย ประเด็นที่สองการชะลอวัยหรือการชะลอความเสื่อมของร่างกายควรเริ่มต้นให้เร็วและทำอย่างต่อเนื่องด้วยการปรับพฤติกรรมของตนเอง นอกจากนี้ด้วยองค์ความรู้ทางการแพทย์ในปัจจุบันของศาสตร์ชะลอวัยทำให้มีการพูดถึงการย้อนวัย (Rejuvenate) ด้วยการทำให้เซลล์ต่างๆในร่างกายแข็งแรง ซ่อมแซมและสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทนซึ่งทำให้มากกว่าคำว่าชะลอวัย และประเด็นสุดท้ายเกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันได้มีการดูแลสุขภาพด้วยการแพทย์ที่ดูแลเฉพาะบุคคล (Precision Medicine) สามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาต่างๆลงลึกในระดับพันธุกรรมของมนุษย์ ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดและตอบโจทย์ได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น ที่มา: สวนดุสิตโพล