จากการพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงในประเทศ ส่งผลให้คนไทยเกิดความวิตกกังวล กลัวว่าอาจเกิดการแพร่ระบาดมีผู้ติดเชื้อมากขึ้น หลายฝ่ายจึงอยากให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกระดับมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคฝีดาษลิงอย่างเข้มงวด เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน ?สวนดุสิตโพล? มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,095 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 5-11 สิงหาคม 2565 สรุปผลได้ ดังนี้
ค่อนข้างวิตกกังวล 54.34% ไม่ค่อยวิตกกังวล 27.21% วิตกกังวลมาก 14.16% ไม่วิตกกังวล 4.29% 2. ประชาชนมีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิงมากน้อยเพียงใด พอรู้และเข้าใจอยู่บ้าง 66.76% ไม่ค่อยรู้และไม่ค่อยเข้าใจ 24.29% รู้และเข้าใจเป็นอย่างดี 5.30% ไม่รู้และไม่เข้าใจเลย 3.65% 3. แหล่งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิงที่ประชาชนเชื่อถือมากที่สุด อันดับ 1 กระทรวงสาธารณสุข 37.17% อันดับ 2 กรมการแพทย์ 16.44% อันดับ 3 สื่อโซเชียล เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม 14.25% อันดับ 4 กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 13.33% อันดับ 5 สื่อสารมวลชน เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ 9.22% 4. ระหว่างโรคโควิด-19 กับ โรคฝีดาษลิง ประชาชนกังวลโรคใดมากกว่ากัน กังวลทั้ง 2 โรค พอๆกัน 41.19% กังวลโรคฝีดาษลิง มากกว่า 29.32% กังวลโรคโควิด-19 มากกว่า 24.38% ไม่กังวลทั้ง 2 โรค 5.11% 5. ประชาชนคิดว่ารัฐบาลจะรับมือโรคฝีดาษลิงได้หรือไม่ น่าจะรับมือได้ 46.58% ไม่น่าจะรับมือได้ 29.22% ไม่แน่ใจ 24.20% 6. ประชาชนอยากให้รัฐบาลดำเนินการเรื่องโรคฝีดาษลิงอย่างไร อันดับ 1 ประกาศ แจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง 81.55% อันดับ 2 แนะนำวิธีการป้องกันดูแลตนเองให้กับประชาชน 60.82% อันดับ 3 ภาครัฐต้องเปิดเผยข้อมูลข้อเท็จจริง ไม่ปิดบัง 59.36% อันดับ 4 มีกระบวนการคัดกรองและกักตัวกลุ่มเสี่ยงที่มาจากต่างประเทศอย่างเข้มงวด 58.45% อันดับ 5 มีวัคซีนป้องกันโรค 56.16% *หมายเหตุ ผู้ตอบสามารถระบุความคิดเห็นได้มากกว่า 1 เรื่อง (ค่าร้อยละจึงคำนวณในแต่ละข้อ) สรุปผลการสำรวจ : คนไทยคิดอย่างไร? กับ โรคฝีดาษลิง สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,095 คน ระหว่างวันที่ 5-11 สิงหาคม 2565 พบว่า จากข่าวโรคฝีดาษลิงที่สื่อนำเสนอ ณ วันนี้ ประชาชนค่อนข้างวิตกกังวล ร้อยละ 54.34 โดยมีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิงอยู่บ้าง ร้อยละ 66.76 แหล่งข้อมูลข่าวสารที่ประชาชนเชื่อถือมากที่สุด คือ ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ร้อยละ 37.17 ระหว่างโรคโควิด-19 กับ โรคฝีดาษลิง ประชาชนกังวลทั้ง 2 โรค พอ ๆ กัน ร้อยละ 41.19 ทั้งนี้มองว่ารัฐบาลจะรับมือโรคฝีดาษลิงได้ ร้อยละ 46.58 อยากให้รัฐบาลประกาศ แจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 81.55 รองลงมาคือแนะนำวิธีการป้องกันดูแลตนเองให้กับประชาชน ร้อยละ 60.82 แม้สถานการณ์ผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงในประเทศไทยยังมีจำนวนไม่มากแต่ประชาชนก็ค่อนข้างวิตกกังวล ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะบทเรียนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาจึงทำให้ประชาชนรู้สึกกังวลไม่แตกต่างกัน แต่ด้วยการรับมือของกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ประชาชนจึงรู้สึกว่ารัฐบาลน่าจะรับมือกับโรคระบาดใหม่ได้ เพื่อลดความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น รัฐบาลจึงควรรายงานสถานการณ์ ให้ความรู้และแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต โทร 086-3766533 ประชาชนส่วนใหญ่ค่อนข้างวิตกกังวลต่อโรคฝีดาษลิง เนื่องจากการแพร่กระจายเชื้อเกิดขึ้นในวงกว้างทั่วโลก แนวโน้มของการระบาดก็ยังไม่ชัดเจนและอาการแสดงคล้ายคลึงกันหลายโรค ซึ่งโรคฝีดาษลิงนอกจากส่งผลต่อการเจ็บป่วยทางกายยังส่งผลต่อสภาวะทางจิต เศรษฐกิจและสังคมของผู้ป่วยอีกด้วย ความรู้สึกกังวลต่อภาพลักษณ์ที่เกิดตุ่มรอยโรคตามร่างกาย การถูกตีตราจากปัจจัยเสี่ยงด้านการมีเพศสัมพันธ์ในกลุ่มชายรักชาย และต้องถูกแยกตัวเช่นเดียวกันกับโรค โควิด-19 ทำให้ต้องหยุดงานซึ่งกระทบต่อรายได้ ในขณะเดียวกันรายจ่ายที่ต้องใช้ระหว่างรักษาก็เพิ่มขึ้น ผลกระทบนี้ จะรุนแรงมากขึ้นในกลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อย ดังนั้น สิ่งที่ประชาชนต้องการจากรัฐบาล คือ การประกาศแจ้งเตือนข้อมูลที่ถูกต้องและเรียกร้องให้ภาครัฐต้องเปิดเผยข้อมูลข้อเท็จจริง ขณะเดียวกันประชาชนเองก็ควรป้องกันตนเองเช่นเดียวกันกับโรคโควิด-19 รวมทั้งติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่องจากภาครัฐ อ.ดร.ปณวัตร สันประโคน อาจารย์ประจำสาขาวิชาการพยาบาลและชุมชน
คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
จากการพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงในประเทศ ส่งผลให้คนไทยเกิดความวิตกกังวล กลัวว่าอาจเกิดการแพร่ระบาดมีผู้ติดเชื้อมากขึ้น หลายฝ่ายจึงอยากให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกระดับมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคฝีดาษลิงอย่างเข้มงวด เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน ?สวนดุสิตโพล? มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,095 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 5-11 สิงหาคม 2565 สรุปผลได้ ดังนี้
ค่อนข้างวิตกกังวล 54.34% ไม่ค่อยวิตกกังวล 27.21% วิตกกังวลมาก 14.16% ไม่วิตกกังวล 4.29% 2. ประชาชนมีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิงมากน้อยเพียงใด พอรู้และเข้าใจอยู่บ้าง 66.76% ไม่ค่อยรู้และไม่ค่อยเข้าใจ 24.29% รู้และเข้าใจเป็นอย่างดี 5.30% ไม่รู้และไม่เข้าใจเลย 3.65% 3. แหล่งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิงที่ประชาชนเชื่อถือมากที่สุด อันดับ 1 กระทรวงสาธารณสุข 37.17% อันดับ 2 กรมการแพทย์ 16.44% อันดับ 3 สื่อโซเชียล เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม 14.25% อันดับ 4 กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 13.33% อันดับ 5 สื่อสารมวลชน เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ 9.22% 4. ระหว่างโรคโควิด-19 กับ โรคฝีดาษลิง ประชาชนกังวลโรคใดมากกว่ากัน กังวลทั้ง 2 โรค พอๆกัน 41.19% กังวลโรคฝีดาษลิง มากกว่า 29.32% กังวลโรคโควิด-19 มากกว่า 24.38% ไม่กังวลทั้ง 2 โรค 5.11% 5. ประชาชนคิดว่ารัฐบาลจะรับมือโรคฝีดาษลิงได้หรือไม่ น่าจะรับมือได้ 46.58% ไม่น่าจะรับมือได้ 29.22% ไม่แน่ใจ 24.20% 6. ประชาชนอยากให้รัฐบาลดำเนินการเรื่องโรคฝีดาษลิงอย่างไร อันดับ 1 ประกาศ แจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง 81.55% อันดับ 2 แนะนำวิธีการป้องกันดูแลตนเองให้กับประชาชน 60.82% อันดับ 3 ภาครัฐต้องเปิดเผยข้อมูลข้อเท็จจริง ไม่ปิดบัง 59.36% อันดับ 4 มีกระบวนการคัดกรองและกักตัวกลุ่มเสี่ยงที่มาจากต่างประเทศอย่างเข้มงวด 58.45% อันดับ 5 มีวัคซีนป้องกันโรค 56.16% *หมายเหตุ ผู้ตอบสามารถระบุความคิดเห็นได้มากกว่า 1 เรื่อง (ค่าร้อยละจึงคำนวณในแต่ละข้อ) สรุปผลการสำรวจ : คนไทยคิดอย่างไร? กับ โรคฝีดาษลิง สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,095 คน ระหว่างวันที่ 5-11 สิงหาคม 2565 พบว่า จากข่าวโรคฝีดาษลิงที่สื่อนำเสนอ ณ วันนี้ ประชาชนค่อนข้างวิตกกังวล ร้อยละ 54.34 โดยมีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิงอยู่บ้าง ร้อยละ 66.76 แหล่งข้อมูลข่าวสารที่ประชาชนเชื่อถือมากที่สุด คือ ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ร้อยละ 37.17 ระหว่างโรคโควิด-19 กับ โรคฝีดาษลิง ประชาชนกังวลทั้ง 2 โรค พอ ๆ กัน ร้อยละ 41.19 ทั้งนี้มองว่ารัฐบาลจะรับมือโรคฝีดาษลิงได้ ร้อยละ 46.58 อยากให้รัฐบาลประกาศ แจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 81.55 รองลงมาคือแนะนำวิธีการป้องกันดูแลตนเองให้กับประชาชน ร้อยละ 60.82 แม้สถานการณ์ผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงในประเทศไทยยังมีจำนวนไม่มากแต่ประชาชนก็ค่อนข้างวิตกกังวล ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะบทเรียนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาจึงทำให้ประชาชนรู้สึกกังวลไม่แตกต่างกัน แต่ด้วยการรับมือของกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ประชาชนจึงรู้สึกว่ารัฐบาลน่าจะรับมือกับโรคระบาดใหม่ได้ เพื่อลดความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น รัฐบาลจึงควรรายงานสถานการณ์ ให้ความรู้และแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต โทร 086-3766533 ประชาชนส่วนใหญ่ค่อนข้างวิตกกังวลต่อโรคฝีดาษลิง เนื่องจากการแพร่กระจายเชื้อเกิดขึ้นในวงกว้างทั่วโลก แนวโน้มของการระบาดก็ยังไม่ชัดเจนและอาการแสดงคล้ายคลึงกันหลายโรค ซึ่งโรคฝีดาษลิงนอกจากส่งผลต่อการเจ็บป่วยทางกายยังส่งผลต่อสภาวะทางจิต เศรษฐกิจและสังคมของผู้ป่วยอีกด้วย ความรู้สึกกังวลต่อภาพลักษณ์ที่เกิดตุ่มรอยโรคตามร่างกาย การถูกตีตราจากปัจจัยเสี่ยงด้านการมีเพศสัมพันธ์ในกลุ่มชายรักชาย และต้องถูกแยกตัวเช่นเดียวกันกับโรค โควิด-19 ทำให้ต้องหยุดงานซึ่งกระทบต่อรายได้ ในขณะเดียวกันรายจ่ายที่ต้องใช้ระหว่างรักษาก็เพิ่มขึ้น ผลกระทบนี้ จะรุนแรงมากขึ้นในกลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อย ดังนั้น สิ่งที่ประชาชนต้องการจากรัฐบาล คือ การประกาศแจ้งเตือนข้อมูลที่ถูกต้องและเรียกร้องให้ภาครัฐต้องเปิดเผยข้อมูลข้อเท็จจริง ขณะเดียวกันประชาชนเองก็ควรป้องกันตนเองเช่นเดียวกันกับโรคโควิด-19 รวมทั้งติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่องจากภาครัฐ อ.ดร.ปณวัตร สันประโคน อาจารย์ประจำสาขาวิชาการพยาบาลและชุมชน
คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต