?สวนดุสิตโพล? มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง ?ประชาชนคิดอย่างไรกับเงินอุดหนุน เพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด? กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,243 คน (สำรวจทางภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม ? 2 มิถุนายน 2567 สรุปผลได้ ดังนี้ 1. ประชาชนทราบหรือไม่ว่า รัฐบาลมีโครงการ?เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด?เดือนละ 600 บาท ให้กับเด็กตั้งแต่แรกเกิด จนอายุครบ 6 ปี อยู่ในครัวเรือนที่มีรายได้เฉลี่ยต่อคนไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี มาตั้งแต่ปี 2562 อันดับ 1 รู้ 76.51% อันดับ 2 ไม่รู้ 23.49% 2. ประชาชนคิดว่านโยบายนี้มีผลกระทบอย่างไรต่อสังคมไทย อันดับ 1 ช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองในการเลี้ยงดูบุตร 74.74% อันดับ 2 ส่งผลให้เด็กแรกเกิดได้รับการดูแลที่ดีขึ้น 63.23% อันดับ 3 ส่งผลให้เด็กและครอบครัวสามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ของรัฐได้มากขึ้น 41.19% 3. ประชาชนคิดว่าเงินอุดหนุนจากรัฐบาลควรจะมีจำนวนเท่าใดต่อเดือนเพื่อให้เพียงพอสำหรับการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด อันดับ 1 1,000 - 3,000 บาท 43.20% อันดับ 2 มากกว่า 3,000 บาท 29.44% อันดับ 3 มากกว่า 600 บาทแต่ไม่เกิน 1,000 บาท 23.17% อันดับ 4 600 บาทเหมาะสมแล้ว 4.19% 4. ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ หากรัฐบาลจะขยายให้ทุกครอบครัวที่มีบุตรตั้งแต่แรกเกิดจนอายุครบ 6 ปี ได้รับเงินอุดหนุนโดยไม่ต้องพิสูจน์รายได้ อันดับ 1 เห็นด้วย 81.01% อันดับ 2 ไม่เห็นด้วย เพราะ เด็กในครอบครัวที่มีฐานะไม่ควรได้, เป็นภาระต่องบประมาณของประเทศมากเกินไป, ครอบครัวควรพึ่งพาตัวเอง ควรมีลูกเมื่อพร้อม, มีนโยบายอื่นที่สำคัญกว่า 18.99% 5. ประชาชนคิดว่ารัฐบาลควรให้เงินอุดหนุนแก่ทุกครอบครัวที่มีบุตรตั้งแต่แรกเกิดจนอายุครบ 6 ปี โดยไม่ต้องพิสูจน์รายได้ ด้วยเหตุผลใด อันดับ 1 ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรในช่วงวัยเด็กซึ่งค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง 74.09% อันดับ 2 ช่วยเหลือครอบครัวที่มีรายได้น้อย 52.53% อันดับ 3 เป็นสิทธิที่เด็กทุกคนควรได้รับอย่างเท่าเทียมกัน 49.32% 6. ประชาชนอยากให้รัฐบาลมีการช่วยเหลือเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดในเรื่องใดอีกบ้าง อันดับ 1 เพิ่มเงินอุดหนุนเพื่อให้เพียงพอต่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด 66.85% อันดับ 2 เพิ่มเงินอุดหนุนให้ครอบครัวยากจนหรือมีคนพิการ 57.92% อันดับ 3 เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไปก็ควรจะได้เงินอุดหนุนด้วย 46.10% อันดับ 4 ปรับปรุงบริการต่างๆ ของรัฐที่เกี่ยวกับเด็กให้เข้าถึงสะดวกมากขึ้น 43.20% อันดับ 5 ให้เงินอุดหนุนตั้งแต่ตั้งครรภ์ 41.03% *หมายเหตุ ผู้ตอบสามารถระบุความคิดเห็นได้มากกว่า 1 เรื่อง (ค่าร้อยละจึงคำนวณในแต่ละข้อ) สรุปผลการสำรวจ : ?เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด? สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง ?ประชาชนคิดอย่างไรกับ เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด? กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,243 คน (สำรวจทางภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม ? 2 มิถุนายน 2567 พบว่า กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 76.51 ทราบว่า รัฐบาลมีโครงการ ?เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด? เดือนละ 600 บาท ให้กับเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนอายุครบ 6 ปี อยู่ในครัวเรือนที่มีรายได้เฉลี่ยต่อคนไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี มาตั้งแต่ปี 2562 โดยมองว่านโยบายนี้ช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองในการเลี้ยงดูบุตร ร้อยละ 74.74 ทั้งนี้ร้อยละ 43.20 เห็นว่าเงินอุดหนุนจากรัฐบาลที่เพียงพอควรอุดหนุนประมาณ 1,000 ? 3,000 บาท และเห็นด้วย ร้อยละ 81.01 หากรัฐบาลจะขยายให้ทุกครอบครัวที่มีบุตรอายุตั้งแต่แรกเกิดจนอายุครบ 6 ปี ได้รับเงินอุดหนุนโดยไม่ต้องพิสูจน์รายได้ เนื่องจากช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรในช่วงวัยเด็กซึ่งค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง นอกจากนี้ก็อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือในเรื่องการเพิ่มเงินอุดหนุนเพื่อให้เพียงพอต่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ร้อยละ 66.85
นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัยสวนดุสิตโพล ระบุว่า จากผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าประชาชนตระหนักถึงโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด และมองว่าเป็นโครงการที่ดีในการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว จึงควรขยายให้เป็นแบบถ้วนหน้าเพื่อลดกระบวนการที่เป็นภาระ และประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึงเพื่อให้กลุ่มครอบครัวที่มีบุตรแรกเกิดได้รับสิทธิอย่างแท้จริง นอกจากนี้ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ครอบครัวมีภาระค่าใช้จ่ายสูง จึงควรจัดสรรเงินอุดหนุนให้เหมาะสมกับค่าใช้จ่ายจริง เพราะการลงทุนกับทรัพยากรมนุษย์เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนาประเทศ จึงควรให้ความสำคัญและควรมีระบบติดตามประเมินผลที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้การช่วยเหลือตรงเป้าหมาย คุ้มค่า และตรวจสอบได้
นางสาวพรพรรณ บัวทอง
นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
โทร 086-3766533
ผู้ช่วยศาสตราจารย์พัศรินท์ ก่อเลิศวรพงศ์ อาจารย์ประจำหลักสูตรจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์กร คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ?โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด? ให้กับเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนอายุครบ 6 ปี ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่านโยบายนี้จะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองในการเลี้ยงดูบุตรในช่วงวัยนี้ที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เนื่องจากเด็กในช่วง 6 ปีแรก เป็นวัยแห่งการสร้างรากฐานชีวิตที่ดีและเป็นเวลาที่สำคัญของการเจริญเติบโตเพราะช่วงวัยนี้สมองจะมีการพัฒนาอย่างเต็มที่รวมถึงการมีพัฒนาการที่เหมาะสม คือ พัฒนาการด้านร่างกาย, พัฒนาการด้านอารมณ์, พัฒนาการด้านสังคม และพัฒนาการด้านสติปัญญา ดังนั้นผู้ปกครองจึงให้ความใส่ใจรวมถึงคาดหวังที่จะดูแลเด็กในช่วงนี้ให้ดีที่สุด โดยความคิดเห็นของประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยหากรัฐบาลจะขยายให้ทุกครอบครัวที่มีบุตรอายุตั้งแต่แรกเกิดจนอายุครบ 6 ปี ได้รับเงินอุดหนุนโดยไม่ต้องพิสูจน์รายได้ อันสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการเงินอุดหนุนเพื่อการใช้จ่ายที่เพียงพอต่อการเลี้ยงดูเด็กในการส่งเสริมโภชนาการหรือสุขภาวะด้านต่างๆ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กอย่างเหมาะสมภายใต้ความผันผวนของเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์พัศรินท์ ก่อเลิศวรพงศ์
อาจารย์ประจำหลักสูตรจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์กร
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต