อันดับ 1 รู้ และทราบรายละเอียดการเลือกตั้ง 41.16% อันดับ 2 รู้ แต่ไม่ทราบรายละเอียดการเลือกตั้ง 36.95% อันดับ 3 ไม่รู้เลยว่ามีการเลือกตั้ง 21.89% 2. ประชาชนคิดว่าการเลือกตั้งนายก อบจ. มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันในด้านใดบ้าง อันดับ 1 การพัฒนาท้องถิ่น 70.76% อันดับ 2 การพัฒนาสาธารณูปโภค 58.81% อันดับ 3 การพัฒนาเศรษฐกิจและการสร้างงาน 55.68% อันดับ 4 การบริการสาธารณะ 52.63% อันดับ 5 การดูแลสุขภาพและสาธารณสุข 50.42% 3. ประชาชนคิดว่าตนเองและครอบครัวได้รับประโยชน์จากการเลือกตั้งท้องถิ่นหรือไม่ อันดับ 1 ได้รับประโยชน์น้อย 39.14% อันดับ 2 ได้รับประโยชน์มาก 36.78% อันดับ 3 ไม่ได้รับประโยชน์ 18.02% อันดับ 4 ไม่แน่ใจ 6.06% 4. ประชาชนคิดว่า ?บ้านใหญ่? มีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งท้องถิ่นในพื้นที่มากน้อยเพียงใด อันดับ 1 มีอิทธิพลมาก 62.21% อันดับ 2 มีอิทธิพลน้อย 18.86% อันดับ 3 ไม่แน่ใจ 9.93% อันดับ 4 ไม่มีอิทธิพล 9.00% 5. ประชาชนคิดว่าผลการเลือกตั้งนายก อบจ. จะส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองในการเลือกตั้งระดับชาติครั้งต่อไปหรือไม่ อันดับ 1 มีผล 77.44% อันดับ 2 ไม่มีผล 22.56% 6. ประชาชนคิดว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นจะมีการซื้อสิทธิขายเสียงหรือไม่ อันดับ 1 มี 57.66% อันดับ 2 ไม่แน่ใจ 26.01% อันดับ 3 ไม่มี 16.33% 7. ในเรื่องการแก้ปัญหาท้องถิ่น ประชาชนเชื่อมั่นในพรรคใดมากที่สุด อันดับ 1 ก้าวไกล 32.53% อันดับ 2 เพื่อไทย 19.79% อันดับ 3 พลังประชารัฐ 17.30% อันดับ 4 ภูมิใจไทย 9.29% อันดับ 5 ประชาธิปัตย์ 6.63% *หมายเหตุ ผู้ตอบสามารถระบุความคิดเห็นได้มากกว่า 1 เรื่อง (ค่าร้อยละจึงคำนวณในแต่ละข้อ) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งนายก อบจ. ในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย ได้แก่ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ระหว่างวันที่ 9-12 กรกฎาคม 2567 กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,188 คน สำรวจผ่านทางออนไลน์และภาคสนาม พบผลที่น่าสนใจ ดังนี้ ? ประชาชนรับรู้รายละเอียดการเลือกตั้งน้อย ผลสำรวจ พบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 41.16 รู้และทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ขณะที่ร้อยละ 36.95 รู้แต่ไม่ทราบรายละเอียดอย่างละเอียด และอีกร้อยละ 21.89 ไม่รู้เลยว่ามีการเลือกตั้ง นั่นแสดงให้เห็นถึงการรับรู้ของประชาชน ซึ่งเป็นประเด็นที่สำคัญในการสร้างความเข้าใจและความตระหนักรู้เกี่ยวกับกระบวนการเลือกตั้ง ? ความสำคัญของการเลือกตั้งท้องถิ่นต่อการพัฒนาท้องถิ่น
กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 70.76 มองว่าการเลือกตั้งนายก อบจ. มีความสำคัญต่อการพัฒนาท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 39.14 ของกลุ่มตัวอย่างคิดว่าตนเองและครอบครัวได้รับประโยชน์น้อยจากการเลือกตั้งท้องถิ่น ในขณะที่ร้อยละ 36.78 เห็นว่าตนเองได้รับประโยชน์มาก สองกลุ่มนี้มีสัดส่วนใกล้เคียงกันแต่อาจมีการรับรู้ข้อมูลที่แตกต่างกันรวมถึงความพึงพอใจต่อการดำเนินงานที่ผ่านมาของ อบจ. ด้วย
*ไม่แน่ใจ 6.06%
ประเด็นที่น่าสนใจคือ ร้อยละ 62.21 ของกลุ่มตัวอย่างเชื่อว่า "บ้านใหญ่" มีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งท้องถิ่นมาก ซึ่งอาจเป็นอิทธิพลผ่านการสนับสนุนผู้สมัครหรือการสร้างกระแสความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ และร้อยละ 57.66 คิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการซื้อสิทธิขายเสียงเกิดขึ้น สะท้อนถึงความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับความโปร่งใสในการเลือกตั้ง
*ไม่แน่ใจ 9.93%
พรรคก้าวไกลยังคงเป็นพรรคที่ประชาชนมีความเชื่อมั่นมากที่สุดในการแก้ปัญหาท้องถิ่น ร้อยละ 32.53 นำหน้าพรรคเพื่อไทยที่มีคะแนนร้อยละ 19.79 โดยผลการเลือกตั้งนายก อบจ. จะส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งระดับชาติครั้งต่อไปร้อยละ 77.44 หากนำผลมาวิเคราะห์ร่วมกันก็อาจทำให้เห็นกระแสของพรรคก้าวไกลที่เพิ่มสูงขึ้นในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้เช่นกัน
นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่าจากผลสำรวจครั้งนี้สะท้อนถึงความรับรู้และมุมมองของประชาชนต่อการเลือกตั้งนายก อบจ. ว่ามีความสำคัญต่อการพัฒนาท้องถิ่น โดยประชาชนเห็นว่าอิทธิพลของ ?บ้านใหญ่? นั้นส่งผลต่อการเลือกตั้งซึ่งอาจเป็นอิทธิพลผ่านการสนับสนุนผู้สมัคร และยังกังวลเกี่ยวกับการซื้อสิทธิขายเสียง ดังนั้นการสร้างความโปร่งใสและความเข้าใจที่ชัดเจนในการเลือกตั้งจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นในครั้งนี้
นางสาวพรพรรณ บัวทอง
ประธานสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
โทร 086-3766533
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาวินี รอดประเสริฐ อาจารย์โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา การเมืองท้องถิ่นถูกจับตามองอย่างมากเพราะหลายพื้นที่มีการเลือกตั้งนายก อบจ. จากผลการสำรวจของสวนดุสิตโพลมีตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นข้อมูลที่น่าสนใจในการเลือกนายก อบจ. คือ ประชาชนส่วนใหญ่ทราบว่านายก อบจ. มีหน้าที่ในการพัฒนาท้องถิ่น ซึ่งมีตัวเลขถึงร้อยละ 70.76 และตัวเลขต่อมาที่น่าสนใจ คือ ประชาชนคิดว่า ?บ้านใหญ่? ที่เราทราบกันดีมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งท้องถิ่นซึ่งไม่ใช่แค่ท้องถิ่นระดับใหญ่อาจรวมไปถึงท้องถิ่นทุกระดับ โดยตัวเลขอยู่ที่ร้อยละ 62.21 นำมาซึ่งการตัดสินจากประชาชนว่าผลการเลือกตั้งนายก อบจ.จะส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองในการเลือกตั้งระดับชาติครั้งต่อไป หากมองจากผลสำรวจในข้อนี้ที่มีคะแนนสูงมากคงเป็นคำตอบให้กับหลายคนได้ว่าสำหรับประเทศไทยนั้น การเมืองระดับชาติมีผลกับการเมืองท้องถิ่นและการเมืองทั้งสองระดับนี้ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ และเป็นโจทย์ใหญ่ให้บรรดาพรรคการเมืองทั้งหลาย หากอยากได้รับเลือกตั้งครั้งต่อไปจะต้องทำอย่างไรกับการเมืองท้องถิ่น
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาวินี รอดประเสริฐ
อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต
โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต