
?สวนดุสิตโพล? มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง ?คนไทยกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว? กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,239 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 1-4 เมษายน 2568 สรุปผลได้ ดังนี้ 1. ประชาชนติดตามข่าวเหตุการณ์แผ่นดินไหวจากช่องทางใด อันดับ 1 โซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก เอ๊กซ์ ติ๊กต็อก ยูทูป ไลน์ 89.11% อันดับ 2 โทรทัศน์ 61.87% อันดับ 3 เพื่อน ครอบครัว 43.54% 2. ประชาชนมีความกังวลต่อภัยพิบัติประเภทใดมากที่สุด อันดับ 1 แผ่นดินไหว 84.91% อันดับ 2 น้ำท่วม 55.85% อันดับ 3 ฝุ่น PM 2.5 49.80% 3. จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ ประชาชนมีความกังวลต่อความปลอดภัยและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต มากน้อยเพียงใด อันดับ 1 ค่อนข้างกังวล 48.83% อันดับ 2 กังวลมาก 41.40% อันดับ 3 ไม่ค่อยกังวล 8.47% อันดับ 4 ไม่กังวลเลย 1.30% 4. เหตุการณ์แผ่นดินไหวทำให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างไรบ้าง อันดับ 1 ติดตามข่าวสารต่างๆมากขึ้น 79.43% อันดับ 2 เพิ่มความระมัดระวังในการใช้ชีวิตประจำวัน 76.26% อันดับ 3 วางแผนการรับมือหรือเตรียมอุปกรณ์จำเป็นหากเกิดเหตุฉุกเฉิน 52.36% 5. ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับมือกับภัยพิบัติในอนาคต อันดับ 1 มีระบบติดตาม แจ้งเตือนภัยพิบัติที่รวดเร็ว แม่นยำ 72.18% อันดับ 2 ยกระดับเรื่องภัยพิบัติเป็นวาระแห่งชาติ 45.10% อันดับ 3 จัดตั้งหน่วยงานช่วยเหลือป้องกันภัยเฉพาะกิจ มีงบประมาณสนับสนุนเพียงพอ 40.45% อันดับ 4 ให้ความรู้แก่ประชาชนในการรับมือ เอาตัวรอด 28.82% อันดับ 5 ควรตรวจสอบความปลอดภัยและโครงสร้างของอาคารทุกประเภทอย่างเข้มงวด 21.01% อื่นๆ เพิ่มค่าตอบแทนให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านภัยพิบัติ สร้างขวัญกำลังใจ ฯลฯ 6.73%
- หมายเหตุ ผู้ตอบสามารถระบุความคิดเห็นได้มากกว่า 1 เรื่อง (ค่าร้อยละจึงคำนวณในแต่ละข้อ)
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศต่อกรณี ?คนไทยกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว? กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,239 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 1-4 เมษายน 2568 พบว่า กลุ่มตัวอย่างติดตามข่าวเหตุการณ์แผ่นดินไหวจากสื่อโซเชียลมีเดีย (เฟซบุ๊ก เอ๊กซ์ ติ๊กต็อก ยูทูป ไลน์) มากที่สุด ร้อยละ 89.11 และมีความกังวลต่อภัยพิบัตินี้ ร้อยละ 84.91 จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ทำให้ประชาชนค่อนข้างกังวลต่อความปลอดภัยและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ร้อยละ 48.83 ส่งผลให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยการติดตามข่าวสารต่างๆมากขึ้น ร้อยละ 79.43 ทั้งนี้กลุ่มตัวอย่างต้องการให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีระบบติดตาม แจ้งเตือนภัยพิบัติที่รวดเร็ว แม่นยำ ร้อยละ 72.18 รองลงมาคือ ยกระดับเรื่องภัยพิบัติเป็นวาระแห่งชาติ ร้อยละ 45.10 นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ผลโพลสะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยตื่นตัวกับภัยธรรมชาติ ที่ไม่อาจคาดเดาได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนก็รู้สึกว่า ?ข้อมูลจากรัฐ? นั้นล่าช้า สังคมออนไลน์ก็เต็มไปด้วยข่าวปลอม ที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว จึงเรียกร้องให้รัฐบาลจัดลำดับความสำคัญให้กับเรื่องนี้ เร่งพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยที่ ?แม่นยำ ฉับไว ไว้ใจได้ และเข้าถึงทุกคน? เพื่อไม่ให้เกิดการถอดบทเรียนซ้ำ ๆ แต่ไม่ได้นำมาปฏิบัติจริง นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต โทร 086-3766533 อาจารย์มณฑล สุวรรณประภา อาจารย์ประจำหลักสูตรอนามัยสิ่งแวดล้อมและสาธารณภัย คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ผลการสำรวจสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในการรับรู้ด้านภัยพิบัติของคนไทย โดยเฉพาะแผ่นดินไหวซึ่งไม่เคยเป็นปัญหาหลักของประเทศไทยจนกลายเป็นความกังวลอันดับหนึ่ง ขณะที่พฤติกรรมการรับข้อมูลข่าวสารผ่านโซเชียลมีเดียชี้ให้เห็นว่าภาครัฐยังขาดช่องทางการสื่อสารด้านภัยพิบัติที่น่าเชื่อถือ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ภาครัฐต้องปรับกลยุทธ์การสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเข้าถึงประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ถือเป็นความท้าทายสำคัญที่ภาครัฐต้องสนับสนุนและผลักดันให้ภัยพิบัตินี้เป็นวาระแห่งชาติ โดยบูรณาการการทำงาน ทั้งในระดับนโยบายและปฏิบัติ ตั้งแต่การพัฒนาระบบฐานข้อมูลที่เชื่อมโยงกัน การจัดสรรงบประมาณที่เพียงพอ การสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ทนต่อภัยพิบัติ ไปจนถึงการเสริมสร้างศักยภาพชุมชนในการรับมือภัยด้วยตนเอง เพื่อลดความเปราะบางและเพิ่มความยืดหยุ่นของสังคมไทยต่อภัยพิบัติที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นในอนาคต อาจารย์มณฑล สุวรรณประภา อาจารย์ประจำหลักสูตรอนามัยสิ่งแวดล้อมและสาธารณภัย คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ที่มา: สวนดุสิตโพล