จากการแพร่ระบาดของ“โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009” ในประเทศไทย หลังจากที่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ทำให้กระทรวงสาธารณ
สุขได้ออกประกาศคำแนะนำประชาชนเรื่องการดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เพื่อให้สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อ
ไข้หวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ร่วมกับ “รายการก่อนตัดสินใจ” จึงได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของ
ประชาชนในเขตกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ที่มีความคิดเห็นต่อโรคดังกล่าว จำนวนทั้งสิ้น 1,143 คน ระหว่างวันที่ 17-18 มิถุนายน 2552 สรุปผล
ได้ดังนี้
อันดับ 1 พอเข้าใจ 62.09% อันดับ 2 รู้และเข้าใจดี 25.54% อันดับ 3 ไม่แน่ใจ 8.04% อันดับ 4 ไม่เข้าใจเลย 4.33% 2. “โรคระบาด” ที่ประชาชนคิดว่ามีความร้ายแรงต่อการติดเชื้อ อันดับ 1 โรคซาร์ 36.90% อันดับ 2 โรคไข้หวัดนก 29.37% อันดับ 3 โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 21.83% อันดับ 4 โรคฉี่หนู 7.14% อันดับ 5 ชิคุนกุนยา 4.76% 3. เรื่องที่ทำให้ประชาชนมี “ความวิตกกังวล” ต่อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 อันดับ 1 เป็นโรคที่ติดต่อง่าย กลัวลูกหลานติดเชื้อ 31.23% อันดับ 2 มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วทั้งในประเทศและต่างประเทศ 30.54% อันดับ 3 เมื่ออกมานอกบ้านต้องพบเจอผู้คนมากมาย ไม่รู้ว่าใครเป็นโรคนี้บ้าง 24.61% อันดับ 4 ยังไม่ค่อยเข้าใจถึงวิธีการป้องกันหรือปฏิบัติตนอย่างไร?ไม่ไห้ติดเชื้อ 13.62% 4. การรับรู้เรื่องวิธีการป้องกัน “ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009” ของประชาชน อันดับ 1 รู้ 88.27%
คือ หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ,ทานอาหารที่สะอาด มีประโยชน์ ,หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ที่ไม่สบาย ไอ จาม , ไม่อยู่ในที่แออัด ,ล้างมือทุกครั้งเมื่อจะทานอาหาร ,ใช้ผ้าปิดจมูก ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่รู้ 11.73%
เพราะ ไม่ค่อยได้สนใจเนื่องจากมีภาระงานที่ต้องรับผิดชอบอยู่มาก ,ไม่มีเวลา ,ไม่ได้รับข้อมูล ข่าวสารที่ชัดเจนเท่าที่ควร ,อยู่ไกลจากในเมืองฯลฯ
อันดับ 1 สวมหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูก 30.69% อันดับ 2 รีบไปพบแพทย์ทันที 29.70% อันดับ 3 แยกตัวออกมาจากบุคคลอื่น 20.79% อันดับ 4 หยุดโรงเรียน-หยุดงาน 18.82% 6. ความเชื่อมั่นของประชาชนว่ารัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขสามารถรับมือกับ “โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009” ได้ อันดับ 1 เชื่อมั่น 51.16%
เพราะ แพทย์ไทยเก่ง มีความสามารถหลายท่าน ,เป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการทำงานของ กระทรวงสาธารณสุข , หากมีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารถึงวิธีการป้องกัน การดูแลตนเองให้ ปลอดภัยอย่างจริงจัง คิดว่าน่าจะได้ผลแน่นอน ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่เชื่อมั่น 44.19%
เพราะ ข้อมูลข่าวสารที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศออกมาค่อนข้างสับสน ไม่รู้ว่าโรคนี้อยู่ในระดับ ร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรงกันแน่ ,ไม่เห็นรัฐบาลมีมาตรการหรือการเตรียมพร้อมในการรับมือกับโรคนี้ ที่ชัดเจนฯลฯ
อันดับ 3 ไม่แน่ใจ 4.65%
เพราะ เป็นโรคที่ติดต่อได้ง่ายและกระจายไปยังผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว ,ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและ ภูมิอากาศของประเทศด้วย ฯลฯ
อันดับ 1 เปลี่ยนไป 56.19%
เพราะ เอาใจใส่ดูแลตัวเองมากขึ้น ใส่ใจสุขภาพตัวเองมากขึ้น ,หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัด , ล้างมือทุกครั้งเมื่อทานอาหาร ,ติดตามข่าวสารมากขึ้น ฯลฯ
อันดับ 2 เหมือนเดิม 43.81%
เพราะ มีการตรวจเช็คสุขภาพเป็นประจำ ,ปกติจะให้ความสำคัญในเรื่องของการออกกำลังกายและการ เลือกรับประทานอาหาร ,ไม่ได้อยู่ในที่ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ฯลฯ
อันดับ 1 กระทบต่อการท่องเที่ยว 37.73% อันดับ 2 กระทบต่อการดำรงชีวิต 35.85% อันดับ 3 กระทบต่อเศรษฐกิจ 18.87% อันดับ 4 กระทบต่อการศึกษา 7.55% 9. สถานที่ที่ประชาชนคิดว่ามีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ “โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009” มากที่สุด อันดับ 1 ห้างสรรพสินค้า 32.44% อันดับ 2 โรงเรียน 31.25% อันดับ 3 โรงหนัง 23.53% อันดับ 4 ร้านอาหาร 7.82% * อื่นๆ เช่น สถานที่ออกกำลังกาย,สระว่ายน้ำ,ตลาดสด ฯลฯ 4.96% 10. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับ “โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009” อันดับ 1 กระทรวงสาธารณสุขควรมีการเผยแพร่ความรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโรค 29.90%
ไข้หวัด 2009 อย่างจริงจังและต่อเนื่อง
อันดับ 2 รัฐบาลควรให้ความสำคัญและยกเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ควรแก้ไข 26.47% อันดับ 3 การติดตามเฝ้าระวังบุคคลที่เดินทางเข้า-ออกนอกประเทศอย่างเข้มงวด 23.28% อันดับ 4 การเสนอข่าวตามความเป็นจริงและสร้างสรรค์ 10.71% อันดับ 5 ให้ประชาชนกินยาหรือฉีดวัคซีนป้องกันโรคดังกล่าวโดยมีเจ้าหน้าที่ 9.64%
สาธารณสุขออกให้บริการ
--สวนดุสิตโพล--