จากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติชี้ความผิด สส.พรรคประชาธิปัตย์ 13 คน ขาดคุณสมบัติในการเป็น สส. เนื่องจากการถือ ครองหุ้นสื่อและหุ้นบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ ซึ่งส่งผลให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศ ลาออกจากส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 1 เป็นที่เรียบร้อย พร้อมทั้งฝากถึง กกต. ให้พิจารณากลั่นกรองเรื่องนี้อย่างรอบคอบเพื่อวินิจฉัยให้เป็นบรรทัดฐาน ต่อไป “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่สนใจติดตามข่าวในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 1,071 คน ระหว่างวันที่ 17-18 กรกฎาคม 2552 สรุปผลได้ดังนี้
อันดับ 1 เห็นด้วย 60.15%
เพราะ จากเอกสารหลักฐานเชื่อว่า สส.ทั้ง 13 คนมีความผิดจริง ,รัฐธรรมนูญระบุไว้ว่าห้ามผู้เกี่ยวข้องทางการเมือง
ถือครองหุ้นสื่อและหุ้นสัมปทานของรัฐ ,หากมีการตรวจสอบขึ้นมาและพบว่ามีความผิดจริงก็ควรพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่แน่ใจ 30.31%
เพราะ ควรให้ ป.ป.ช. เข้ามาตรวจสอบบัญชีแสดงทรัพย์สินของ สส.ทั้ง 13 คน อย่างละเอียดก่อน และนำเอกสาร
การถือครองหุ้นต่างๆมาพิจารณาดูอีกครั้ง โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ซื้อหุ้นหรือถือครองหุ้น ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่เห็นด้วย 9.54%
เพราะ มีหลายฝ่ายที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงการตัดสินของ กกต. ว่ายังขาดความชัดเจน ฯลฯ
อันดับ 1 ส่งผลต่อรัฐบาลมากกว่า 42.11%
เพราะ ทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลในสายตาประชาชนดูแย่ลง ,รัฐบาลขาดเสถียรภาพในการบริหารประเทศ เนื่องจาก
จำนวน สส.ในพรรคปชป. อาจลดน้อยลง , เป็นประเด็นให้ฝ่ายค้านนำเรื่องนี้มาโจมตีได้ ฯลฯ
อันดับ 2 พอๆกัน 38.20%
เพราะ รัฐบาลจะมีเสถียรภาพได้ก็ขึ้นอยู่กับจำนวน สส. ที่มี ,สส. ทั้ง 13 คน ล้วนมีความสำคัญต่อพรรคปชป.และเป็นเรี่ยวแรง
สำคัญของรัฐบาลในการบริหารประเทศ ฯลฯ
อันดับ 3 ส่งผลต่อตัวบุคคลมากกว่า 19.69%
เพราะ ทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่งการเป็น สส. ,ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น ไม่มั่นใจว่าจะเป็นปากเสียงให้กับประชาชน
อีกต่อไปได้ ,เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่จะซื้อหุ้นหรือดำเนินการใดๆก็ได้ ฯลฯ
อันดับ 1 ลดลง 61.21%
เพราะ แสดงให้เห็นถึงความไม่โปร่งใสของนักการเมือง ,ผู้ที่เข้ามาเล่นการเมืองน่าจะทราบกฎหมายและข้อบังคับตาม
รัฐธรรมนูญอย่างดี , รัฐบาลขาดการตรวจสอบ ดูแลสมาชิกในพรรค ,คนส่วนใหญ่มองว่าพรรคปชป.เป็นพรรคที่ใสสะอาด ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่ลดลง 38.79%
เพราะ เป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่ควรนำมาเชื่อมโยงกับรัฐบาล ,มั่นใจในตัวผู้นำของรัฐบาลว่าจะสามารถบริหารพรรคและบริหาร
ประเทศต่อไปได้ ฯลฯ
อันดับ 1 ควรปล่อยให้ สส.ที่ถูกพาดพิงเป็นผู้ตัดสินใจเอง 33.42% อันดับ 2 ควรรอฟังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อนว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร 25.67% อันดับ 3 นายกฯอภิสิทธิ์ควรเดินหน้าบริหารบ้านเมืองต่อไป ไม่อ่อนไหวไปตามเสียงรอบข้าง 23.80% อันดับ 4 ควรเตรียมพร้อมหรือหาวิธีรับมือหากมีการสมัครเลือกตั้ง สส. ทั้ง 13 ตำแหน่งที่ว่างลง 10.70% อันดับ 5 ต้องเตือนให้คนในพรรคดำเนินการทางการเมืองอย่างถูกต้องตรงไปตรงมา 6.41% 5. ประชาชนคิดว่า สส. อีก 12 คน ควรลาออกจากการเป็น สส.หรือไม่ ? อันดับ 1 ควรลาออก 37.87%
เพราะ แสดงให้เห็นถึงสปิริตของ สส.ที่ถูกพาดพิง ,เมื่อลาออกไปแล้วสามารถกลับเข้ามารับเลือกตั้งใหม่ได้ ,จะได้ไม่เป็น
ประเด็นที่ทำให้รัฐบาลโดนโจมตีจากฝ่ายค้าน ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่ควรลาออก 31.81%
เพราะ อยากให้อยู่สู้คดีต่อไป ,ควรรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำไปสู้คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะยังอยู่ในช่วงปิดสมัยประชุม ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่แน่ใจ 30.32%
เพราะ ควรรอฟังคำตัดสินจากศาลรัฐธรรมนูญก่อนว่าจะออกมาอย่างไร ฯลฯ
อันดับ 1 เห็นด้วย 62.70%
เพราะ จะได้ไม่เป็นเป้าให้ฝ่ายค้านโจมตีได้ ,แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบ ยอมรับในคำตัดสิน และเพื่อเป็นการสร้างความ
มั่นใจให้กับประชาชนที่มีต่อรัฐบาล ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่แน่ใจ 25.17%
เพราะ คุณสุเทพอาจลงสมัครเลือกตั้ง สส. ครั้งหน้าอีกก็ได้ ,อาจจะเป็นการแก้เกมทางการเมืองมากกว่า ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่เห็นด้วย 12.13%
เพราะ แสดงว่านายสุเทพยอมรับว่ามีความผิดตามที่ กกต. ตัดสินจริง ,ระยะเวลาที่ซื้อหุ้นนานแล้วก่อนที่จะมีกฎหมาย
ห้าม ส.ส.ถือครองหุ้นบังคับใช้ ปี 2550 , การซื้อหุ้นของนายสุเทพก็เหมือนกับคนซื้อหุ้นทั่วไป ฯลฯ
--สวนดุสิตโพล--