ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงมาตรการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพง โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เสนอให้ลดการนำเงินเข้ากองทุนน้ำมันและกองทุนอนุรักษ์พลังงานในส่วนของดีเซลลิตรละ 2 บาท พร้อมให้ตรึงราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) และก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (NGV) รวมถึงค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (FT) ไปจนถึงเดือนสิงหาคม 2553 เพื่อ ลดภาระให้แก่ประชาชน “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ร่วมกับ “รายการก่อนตัดสินใจ” ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นจากประชาชน ทุกสาขาอาชีพในเขตกรุงเทพฯปริมณฑลที่มีต่อมาตรการดังกล่าว จำนวนทั้งสิ้น 1,143 คน ระหว่างวันที่ 11-13 สิงหาคม 2552 สรุปผลได้ดังนี้
อันดับ 1 มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 39.76% อันดับ 2 ต้องประหยัดค่าใช้จ่าย 26.38% อันดับ 3 หันมาใช้บริการสาธารณะมากขึ้น 11.81% อันดับ 4 ลดการใช้พลังงานทุกประเภทให้น้อยลง 11.42% อันดับ 5 ทำงานหนักมากขึ้น 10.63% 2. จงเรียงลำดับผลกระทบที่ประชาชนได้รับจากพลังงานในด้านต่างๆ ต่อไปนี้ อันดับ 1 ราคาน้ำมัน 49.06% อันดับ 2 ราคาก๊าซ (NGV) 39.60% อันดับ 3 ราคาแก๊สหุงต้ม ( LPG) 10.08% อันดับ 4 ราคาค่าไฟฟ้า 1.26% 3. จากที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติมีมติให้ลดจำนวนเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และกองทุนอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันดีเซล B2 ถูกลง 2 บาทต่อลิตร และ B5 ถูกลง 40 สตางค์ต่อลิตร ประชาชนคิดว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ? อันดับ 1 ไม่แน่ใจ 39.02%
เพราะ เงินที่ส่งเข้ากองทุนนำออกมาใช้ประโยชน์ได้จริงมากน้อยเพียงใด , เป็นเพียงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
อาจมีการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนเพิ่มขึ้นเหมือนเดิม ฯลฯ
อันดับ 2 เหมาะสม 34.96%
เพราะ เป็นการช่วยเหลือประชาชนได้ทางหนึ่ง ,ลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนได้มากขึ้น ,เป็นช่วงที่เศรษฐกิจ
ของประเทศกำลังย่ำแย่ ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่เหมาะสม 26.02%
เพราะ ควรลดราคาน้ำมันทุกประเภท ,ผู้ที่ใช้น้ำมันประเภทนี้มีเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่ทั้งหมด ฯลฯ
อันดับ 1 ควรมีมาตรการลดราคาน้ำมันเบนซินทุกประเภท 75.40% อันดับ 2 ไม่ควรมีมาตรการลดราคาน้ำมันเบนซินทุกประเภท 12.70% อันดับ 3 ไม่แน่ใจ 11.90% 5. รัฐบาลควรใช้มาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเดิมเหมือนที่ผ่านมาเพื่อทำให้ราคาน้ำมันดีเซลและเบนซินถูกลงหรือไม่ ? อันดับ 1 สมควร 59.68%
เพราะ ช่วยให้ต้นทุนของราคาน้ำมันถูกลงกว่าเดิม ,ผู้บริโภคมีกำลังในการใช้จ่ายอย่างสะดวกมากขึ้น ,
ส่งผลให้ราคาสินค้า /บริการถูกลง ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่แน่ใจ 28.22%
เพราะ อาจเป็นเพียงมาตรการระยะสั้นหรือไม่สามารถทำได้จริงเนื่องจากมีปัจจัยอื่นแทรกแซง ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่สมควร 12.10%
เพราะ ทำให้ผู้บริโภคใช้น้ำมันอย่างฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักการประหยัด ,ทำให้รัฐขาดรายได้ที่จะนำไปพัฒนาประเทศ ฯลฯ
อันดับ 1 ผลักดันให้ลดค่าการตลาด 53.54% อันดับ 2 ผลักดันให้ลดค่าการกลั่น 23.62% อันดับ 3 ลดภาษีเทศบาลเพื่อบำรุงท้องถิ่น 22.84% 7. ความคิดเห็นของประชาชนต่อรัฐบาลที่มีนโยบายตรึงราคา แก๊ส LPG / ก๊าซ NGV และอัตราค่า ไฟฟ้าผันแปร(ค่า FT) เป็นระยะเวลา 1 ปี อันดับ 1 เห็นด้วย 58.26%
เพราะ เป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน ,สนับสนุนการใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้น , อีก 1 ปีข้างหน้าเศรษฐกิจอาจเริ่มฟื้นตัวซึ่งส่งผลให้ประชาชนมีกำลังในการใช้จ่ายมากขึ้น ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่แน่ใจ 24.35%
เพราะ หลังจาก 1 ปี ไปแล้วไม่ทราบว่าสถานการณ์ต่างๆจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและพลังงาน ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่เห็นด้วย 17.39%
เพราะ ระยะเวลา 1 ปี น้อยเกินไป การฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศต้องอาศัยระยะเวลาที่นานกว่านี้ ,
เป็นการช่วยเหลือแค่เพียงบุคคลบางกลุ่มเท่านั้น ฯลฯ
อันดับ 1 เร่งผลักดันพลังงานทดแทนทุกประเภทอย่างเร่งด่วน 34.24% อันดับ 2 รณรงค์ให้ประชาชนประหยัดพลังงาน 33.15% อันดับ 3 เร่งก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ 27.17% อันดับ 4 รัฐบาลแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง 5.44%
--สวนดุสิตโพล--