ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้ประเมินสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ของไทย และคาดว่าจะระบาดต่อไปอีก 2-3 เดือน โดยขณะนี้โรคได้ ระบาดกระจายไปทุกจังหวัด และการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้กำหนดให้ทุกจังหวัดเริ่มดำเนินการร่วมกับเจ้าหน้าที่สถานี อนามัย ภายใต้ยุทธศาสตร์ คือ ค้นหาเร็ว ให้เจอผู้ป่วยเร็ว และให้การรักษาอย่างรวดเร็ว เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วย โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ที่มีอาการรุนแรง เช่น ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง คนอ้วน ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี เด็ก อายุต่ำกว่า 2 ปี และหญิงมีครรภ์ เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของ ประชาชนต่อสถานการณ์ดังกล่าว อันจะเป็นข้อมูลประกอบการดำเนินงานของผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ร่วม กับ “รายการก่อนตัดสินใจ” จึงได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเขตกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จำนวนทั้งสิ้น 1,463 คน ระหว่างวันที่ 18- 20 สิงหาคม 2552 สรุปผลได้ดังนี้
อันดับ 1 มากขึ้น 82.61%
เพราะ มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ถึงวิธีการป้องกันผ่านสื่อต่างๆมากขึ้น ,เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจและพูดถึงกันมาก
ทำให้รับรู้รับทราบอยู่บ่อยๆ ,มีการให้ความรู้ที่ชัดเจนละเป็นรูปธรรมมากขึ้น ฯลฯ
อันดับ 2 เหมือนเดิม 13.53%
เพราะ เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรจะรู้และปฏิบัติตามอย่างถูกต้อง ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่แน่ใจ 3.86%
เพราะ คนที่อยู่ต่างจังหวัดหรืออยู่ในพื้นที่ห่างไกลอาจได้รับข้อมูลข่าวสารเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับคนที่อยู่ในเมือง ,
บางคนที่ทำงานแบบหาเช้ากินค่ำอาจไม่มีเวลาที่จะติดตามข่าวหรือรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ออกมา ฯลฯ
อันดับ 1 เข้าทางตา จมูก ปาก เมื่อเกิดการสัมผัส 56.52% อันดับ 2 ปลิวผ่านอากาศเข้าสู่ร่างกายทางจมูก 40.43% อันดับ 3 เข้าทางผิวหนัง 1.74% อันดับ 4 ไม่ทราบ 1.31% 3. คนกลุ่มใด? ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 มากที่สุด อันดับ 1 ผู้ที่มีโรคประจำตัว 29.97% อันดับ 2 หญิงมีครรภ์ 23.17% อันดับ 3 เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ขวบ 15.16% อันดับ 4 คนที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป 12.20% อันดับ 5 เด็กวัยรุ่น 7.67% อันดับ 6 ผู้ใหญ่วัย 40-50 ปี 7.32% * อื่นๆ เช่น ทุกคนมีโอกาสเสี่ยงเหมือนกัน ,ทหาร ตำรวจ แพทย์ พยาบาล ฯลฯ 4.51% 4. วิธีการป้องกันดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้ติดเชื้อ อันดับ 1 หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด 24.17% อันดับ 2 ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 20.86% อันดับ 3 สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกนอกบ้าน 20.27% อันดับ 4 ไม่เอามือขยี้ตา หยิบสิ่งของเข้าปาก 10.53% อันดับ 5 หยุดเรียน/หยุดงาน เมื่อป่วย 9.36% อันดับ 6 กินผักใบเขียวและผลไม้ 8.77% อันดับ 7 ไม่ออกจากบ้านถ้าไม่จำเป็น 3.12% อันดับ 8 ล้างมือทุกครั้งก่อนทานอาหาร 1.56% * อื่นๆ เช่น ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง , อยู่ห่างผู้ที่ไอ จาม ฯลฯ 1.36% 5. ใคร? ควรเป็นคนสวมหน้ากากอนามัยและควรสวมในกรณีใด?บ้าง อันดับ 1 ทั้งผู้ป่วยและคนปกติควรสวมกรณีที่อยู่ในสถานที่แออัด 62.06% อันดับ 2 ควรสวมเฉพาะผู้ป่วยเท่านั้น 20.57% อันดับ 3 ทุกคนควรสวมตลอดเวลา 14.54% อันดับ 4 คนปกติไม่จำเป็นต้องสวมแม้อยู่ที่แออัด 1.06% อันดับ 5 ทั้งผู้ป่วยและคนปกติไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย 1.77% 6. วิธีปฏิบัติตัวกรณีที่ตัวเองหรือคนในบ้านป่วยโดยไม่ทราบว่าเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 หรือไม่? อันดับ 1 หากมีไข้สูง ไอ และเจ็บคอจะรีบพบแพทย์ทันที 65.17% อันดับ 2 สวมหน้ากากอนามัย 17.60% อันดับ 3 รีบกินยาพาราเซตามอนแล้วรอดูอาการ 10.86% อันดับ 4 แยกตัวเองออกมาจากคนในครอบครัว 6.37% 7. สิ่งที่ใช้ป้องกันเวลาที่มีการไอหรือจาม อันดับ 1 ใช้มือปิดปากเวลาไอ จาม 70.64% อันดับ 2 ไอ จาม ใส่แขนเสื้อ 20.64% อันดับ 3 ผ้าเช็ดหน้า /ทิชชู่ 6.42% อันดับ 4 ไอ จาม โดยไม่มีอะไรป้องกัน 0.92% * อื่นๆ เช่น สมุด ,กระเป๋า ฯลฯ 1.38% 8. ระยะห่างที่เหมาะสมในการป้องกันการติดเชื้อผ่านการไอหรือจาม ควรเป็นเท่าไหร่? อันดับ 1 1-2 เมตร 52.84% อันดับ 2 5 เมตร 15.91% อันดับ 3 3-4 เมตร 14.20% อันดับ 4 6-10 เมตร 9.09% อันดับ 5 มากกว่า 10 เมตร 7.96%
9. ความคิดเห็นกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายให้หยุดงานเมื่อป่วย อันดับ 1 เห็นด้วย 95.96% เพราะ สมควรให้ผู้ป่วยหยุดงานจนกว่าจะหาย ,จะได้ไม่แพร่เชื้อไปติดผู้อื่น ฯลฯ อันดับ 2 ไม่เห็นด้วย 4.04% เพราะ รู้สึกว่าไม่จำเป็นเนื่องจากทำให้เสียเวลางาน ,อาจเป็นข้ออ้างสำหรับคนที่ขี่เกียจทำงาน ฯลฯ 10. มาตรการที่ประชาชนอยากให้รัฐบาลประกาศออกมาเพิ่มเติมเพื่อป้องกันและยับยั้ง การเสียชีวิตที่อาจเพิ่มจำนวนมากขึ้น อันดับ 1 เปิดเผยข้อมูลความจริง ทั้งตัวเลขการเสียชีวิตและยอดผู้ติดเชื้ออย่างสม่ำเสมอ 28.76% อันดับ 2 ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้และการป้องกันตัวให้มากยิ่งขึ้น 26.11% อันดับ 3 ปิดทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค ตามสถานที่ต่างๆทั้งรัฐและเอกชน 18.36% อันดับ 4 แจกและกำหนดให้ประชาชนทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกจากบ้าน 13.94% อันดับ 5 งดจัดคอนเสิร์ตตามสถานบันเทิงและตามสถานที่ต่างๆ 6.64% อันดับ 6 งดจัดประชุมสัมมนา /งดจัดนิทรรศการ งาน EVENT ต่างๆ 3.98% * อื่นๆ เช่น ขอความร่วมมือจากทุกๆฝ่ายให้ช่วยกันทั้งภาครัฐและเอกชน ฯลฯ 2.21% 11. ความเชื่อมั่นต่อ “กระทรวงสาธารณสุข” ในการแก้ไขปัญหาไข้หวัดใหญ่ 2009 อันดับ 1 เชื่อมั่น 59.61% เพราะ ผู้ใหญ่ในกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาจริงเอาจังมากขึ้น ,มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ความเข้าใจ แก่ประชาชนในเรื่องการป้องกันไข้หวัด อย่างต่อเนื่อง ,กำลังมีการผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ฯลฯ อันดับ 2 ไม่เชื่อมั่น 40.39% เพราะ นับตั้งแต่เริมมีการระบาดจนมาถึงวันนี้ยังมีตัวเลขรายงานยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตอยู่ ฯลฯ 12. ความเชื่อมั่นต่อ “รัฐบาล” ในการแก้ไขปัญหาไข้หวัดใหญ่ 2009 อันดับ 1 เชื่อมั่น 52.24% เพราะ รัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคนี้ได้ ,หากปล่อยไว้นานจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่น ของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลโดยตรง ฯลฯ อันดับ 2 ไม่เชื่อมั่น 47.76% เพราะ รัฐบาลมีปัญหามากมายที่จะต้องแก้ไขทำให้ไม่สามารถดูแลเรื่องไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้เต็มที่ ,มาตรการต่างๆที่ออก มายังไม่รัดกุมพอ ฯลฯ 13. ความคิดเห็นจากกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศจะผลักดันให้การผลิตวัคซีน โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 และโรคอื่นเป็นวาระแห่งชาติ อันดับ 1 เห็นด้วย 89.11% เพราะ ประเทศไทยจะได้มีวัคซีนที่สามารถผลิตได้ในประเทศเองและมีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ , สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้ว่ามีความปลอดภัย ,ราคาไม่แพงเกินไป ฯลฯ อันดับ 2 ไม่เห็นด้วย 10.89% เพราะ กว่าจะผลิตวัคซีนได้จำนวนของผู้ที่ติดเชื้อน่าจะเพิ่มมากขึ้นกว่านี้ , เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน ไม่สามารถรอได้ ใช้เวลานานเกินไป ,หากมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวดและจริงจังน่าจะได้ผลเหมือนกัน ฯลฯ --สวนดุสิตโพล-- -พห-