สวนดุสิตโพลล์: ความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา กรณี “พล.อ.ชวลิต กับ สมเด็จฮุนเซน”

ข่าวผลสำรวจ Monday October 26, 2009 08:12 —สวนดุสิตโพล

จากกรณีที่ พล.อ.ชวลิต เดินทางไปพบกับสมเด็จฮุนเซน เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ที่ผ่านมา จนเกิดประเด็นท่าทีของฮุนเซนที่พูดถึงความเป็น เพื่อนกับอดีตนายกฯทักษิณ ทั้งการสร้างบ้านให้พักในกรุงพนมเปญ การไม่ส่งตัว เป็นผู้ร้ายข้ามแดน จนถึงการให้เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของกัมพูชา และมีการตอบโต้จากนายกฯอภิสิทธิ์ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับสัมพันธภาพระหว่างไทย กัมพูชา “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวน ดุสิต จึงได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนในกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 1,847 คน ระหว่างวันที่ 23-24 ตุลาคม 2552 สรุปผลได้ดังนี้

1. ประชาชนคิดอย่างไร? กรณีการพบปะกันของ พล.อ.ชวลิต กับ สมเด็จฮุนเซน
อันดับ 1          เป็นเกมการเมือง การแสดงศักยภาพของพล.อ.ชวลิต โดยหาทางออกให้อดีตนายกฯทักษิณ        33.95%
อันดับ 2          เป็นการชักศึกเข้าบ้าน ทำให้ต่างประเทศเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองไทย                    28.86%
อันดับ 3          จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทย กับ กัมพูชาตึงเครียดมากขึ้น                            19.33%
อันดับ 4          จะทำให้ความขัดแย้งภายในของไทยแตกแยกมากขึ้น ยากที่จะแก้ไขได้                       11.48%
อันดับ 5          เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างพล.อ.ชวลิต สมเด็จฮุนเซนและ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นเพื่อนกัน           6.38%

2. กรณีที่มีการพบปะกันของพล.อ.ชวลิต กับ สมเด็จฮุนเซน จนเกิดข่าวการจะสร้างบ้านพักให้ พ.ต.ท.ทักษิณ การไม่ส่งตัวให้ไทย
และการเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจให้กัมพูชา มีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทย กับ กัมพูชา อย่างไร?
อันดับ 1          ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทย กับ กัมพูชา ตึงเครียดมากขึ้น                             71.52%

เพราะ เป็นการเลือกข้างพ.ต.ท.ทักษิณอย่างชัดเจน ซึ่งขัดแย้งกับรัฐบาลอภิสิทธิ์อย่างแน่นอน ฯลฯ

อันดับ 2          ไม่แน่ใจ                                                                   22.58%

เพราะ อาจจะเป็นแค่เกมการเมืองก็ได้ ,ไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากนัก ฯลฯ

อันดับ 3          ไม่กระทบความสัมพันธ์ระหว่างไทย กับ กัมพูชา                                        5.90%

เพราะ เป็นเรื่องตัวบุคคลที่เป็นเพื่อนกัน เป็นแค่ข่าว ฯลฯ

3. จากกรณีที่เกิดขึ้นมีผลต่อการเมืองไทยอย่างไรบ้าง ?
อันดับ 1          ทำให้การเมืองไทยร้อนแรงขึ้น มีความขัดแย้งเพิ่มขึ้น ชิงความได้เปรียบเสียเปรียบ             35.95%

กันมากขึ้น

อันดับ 2          ปัญหาความขัดแย้งภายในการเมืองไทยจะแก้ไขยากขึ้นเพราะขยายผลไปยัง                   26.85%

ประเทศเพื่อนบ้าน

อันดับ 3          ทำให้เห็นว่านักการเมืองสามารถทำทุกอย่างเพื่อจะเอาชนะคะคานกัน                       21.22%
อันดับ 4          สร้างความสับสนทางการเมืองให้กับประชาชนโดยทั่วไป                                 10.72%
*          อื่นๆ เช่น ประชาชนเบื่อการเมือง เกิดการตอบโต้ สาวไส้กันของนักการเมือง                      5.26%

ประชาธิปไตยสะดุด ไม่พัฒนา ฯลฯ

4. ทำอย่างไร ? จึงจะทำให้กรณีที่เกิดขึ้นไม่บานปลาย
อันดับ 1          ทุกฝ่ายโดยเฉพาะนักการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านรวมถึงข้าราชการประจำต้อง           42.01%

คิดว่าประเทศชาติสำคัญกว่าตัวบุคคล ต้องช่วยกันพิจารณาให้รอบคอบอย่าตกเป็นเครื่องมือ

ทางการเมือง

อันดับ 2          รัฐบาลไทยโดยเฉพาะนายกฯ อภิสิทธิ์ จะต้องรอบคอบในการดำเนินการเรื่องนี้ เช่น            22.25%

การเจรจาที่มีข้อมูลหลักฐานครบถ้วนชัดเจน

อันดับ 3          ควรจะแก้ไขปัญหากันเอง ไม่ควรชักศึกเข้าบ้าน /คนไทยน่าจะเข้าใจกันเองดีกว่าชาติอื่น         15.54%
อันดับ 4          สื่อมวลชน นักวิชาการ นักการเมือง ข้าราชการ ต้องสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน          13.75%

อย่าให้เกิดความสับสนโดยเฉพาะการให้ข้อมูลและการวิพากษ์วิจารณ์

อันดับ 5          อยากให้มองประเด็นนี้ว่าเป็นแค่เกมการเมืองหนึ่ง ไม่ควรขยายผล เพราะจะทำให้บ้านเมือง       6.45%

เกิดความวุ่นวาย

--สวนดุสิตโพล--

-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ