การตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถือว่าเป็นคดีประวัติศาสตร์ทางการเมืองอีกคดีหนึ่งของไทย โดยสื่อมวลชนต่างให้ความสนใจและติดตามรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด อีกทั้งได้นำเสนอมุมมองความเห็นและวิเคราะห์ถึงอนาคตของสถานการณ์การเมืองไทย เช่นเดียวกับผู้เกี่ยวข้องหลายๆฝ่ายของไทยที่เป็นห่วงและผลที่จะตามมาภายหลังการตัดสินคดีสิ้นสุดลงว่าจะกระทบต่อ การเมือง เศรษฐกิจ สังคม อย่างไรบ้าง? “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้สำรวจความคิดเห็นจากประชาชนทุกสาขาอาชีพในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑลต่อกรณีดังกล่าว จำนวน 1,256 คน ระหว่างวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ 2553 สรุปผลได้ดังนี้
(1.1) การเมือง
อันดับ 1 ส่งผลให้การเมืองไทยร้อนแรงและนักการเมืองทะเลาะเบาะแว้งกันมากขึ้น 52.64% อันดับ 2 ฝ่ายค้านนำประเด็นการยึดทรัพย์มาขยายผลในเรื่องความไม่เป็นธรรม ถูกกลั่นแกล้ง 36.63% อันดับ 3 เกิดการผลักดันให้มีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ 10.73%
(1.2) เศรษฐกิจ
อันดับ 1 ทำให้รัฐบาลมีรายได้เพื่อนำไปบริหารประเทศเพิ่มขึ้นจากเงินที่ถูกยึดคืนมา 45.70% อันดับ 2 เศรษฐกิจจะดีไม่ดีขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองเป็นสำคัญ 35.09% อันดับ 3 ส่งผลต่อการลงทุนและตลาดหุ้นขยับตัวขึ้นเล็กน้อย 19.21%
(1.3) สังคม
อันดับ 1 ทำให้ประชาชนกังวลกับสถานการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้นโดยเฉพาะการวางระเบิด 41.91% อันดับ 2 เป็นประเด็นที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์หรือพูดถึงกันอย่างมาก ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารการเมืองมากขึ้น 35.57% อันดับ 3 อาจทำให้เกิดการเคลื่อนไหวหรือมีการชุมนุมมากขึ้น 22.52% 2. การตัดสินคดียึดทรัพย์มีผลต่อคะแนนนิยม ของ “นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อย่างไร ? อันดับ 1 เท่าเดิม 53.50%
เพราะ การตัดสินคดีนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของศาลเพียงผู้เดียวไม่เกี่ยวกับนายกฯ ,ยังคงไว้วางใจและเชื่อมั่นในตัวท่าน ฯลฯ
อันดับ 2 เพิ่มขึ้น 26.08%
เพราะ วางตัวเป็นกลาง ไม่ชี้นำ ประชาชนมองว่าเป็นความหวังหรือที่พึ่งให้กับประชาชนได้ ฯลฯ
อันดับ 3 ลดลง 20.42%
เพราะ ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลมองว่าเป็นการกลั่นแกล้ง ฯลฯ มีต่อ 3. การตัดสินคดียึดทรัพย์มีผลต่อคะแนนนิยม ของ “อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร” อย่างไร ?
อันดับ 1 ลดลง 44.90%
เพราะ แสดงให้เห็นว่าอดีตนายกฯ ทักษิณมีความผิดจริงตามกระแสข่าวต่างๆที่ออกมาก่อนที่จะมีการตัดสินคดี ฯลฯ
อันดับ 2 เท่าเดิม 30.28%
เพราะ ยังมีผู้ที่ชื่นชอบและรักท่านอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะกลุ่มเสื้อแดง ฯลฯ
อันดับ 3 เพิ่มขึ้น 24.82%
เพราะ ได้รับคะแนนสงสารและความเห็นใจจากประชาชน อีกทั้งยังเห็นลูกๆต้องพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย ฯลฯ
อันดับ 1 เท่าเดิม 45.92%
เพราะ การตัดสินคดีกับการบริหารงานของรัฐบาลเป็นคนละส่วนกัน ,การตัดสินคดีเป็นหน้าที่ของศาลเพียงผู้เดียว ฯลฯ
อันดับ 2 เพิ่มขึ้น 30.22%
เพราะ โดยภาพรวมถือว่ารัฐบาลมีความได้เปรียบและมีความพร้อมในการบริหารบ้านเมืองต่อไป ฯลฯ
อันดับ 3 ลดลง 23.86%
เพราะ ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินอาจมองว่ารัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องหรือเข้าไปแทรกแทรงในเรื่องนี้ ฯลฯ
อันดับ 1 ลดลง 46.15%
เพราะ เพียงตัวอดีตนายกฯทักษิณคนเดียวคงดำเนินการไม่ได้ ต้องมีลูกน้องคอยช่วย ฯลฯ
อันดับ 2 เท่าเดิม 41.03%
เพราะ เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่ควรเหมารวมทั้งพรรค ,ยังมีลูกพรรคอีกหลายคนที่ตั้งใจทำงานและทุ่มเท ฯลฯ
อันดับ 3 เพิ่มขึ้น 12.82%
เพราะ ได้รับคะแนนสงสารและความเห็นใจจากประชาชนเพราะผู้นำของพรรคเดือดร้อน ลูกน้องต้องพลอยสั่นคลอนไปด้วย ฯลฯ
อันดับ 1 เดินหน้าบริหารบ้านเมืองต่อไปตามปกติด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส 49.41% อันดับ 2 ควรออกมาแจกแจงถึงเงินที่ยึดคืนว่าจะนำไปใช้อะไรบ้าง 29.23% อันดับ 3 ไม่พูดหรือแสดงความเห็นในทางยั่วยุ / ให้ข่าวอย่างยุติธรรม เป็นกลาง 21.36% 7. หลังจากการตัดสินคดียึดทรัพย์แล้ว “อดีตนายกฯ ทักษิณ” ควรวางตัวอย่างไร ? อันดับ 1 ยอมรับคำตัดสินและมุ่งหน้าทำธุรกิจที่ตนเองถนัดต่อไป 52.82% อันดับ 2 อยู่เฉยๆสักพักเพื่อทบทวนสิ่งที่ผ่านมา /อยากให้นึกถึงครอบครัวเป็นสำคัญ 22.32% อันดับ 3 หยุดการกระทำต่างๆที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ/หยุดเคลื่อนไหวและหยุดสนับสนุนกลุ่มเสื้อแดง 18.05% อันดับ 4 ยืนหยัดเดินหน้าต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมต่อไป 6.81%
--สวนดุสิตโพล--