ประชาชน 42.44% ยังมองไม่เห็นว่าจะมีใครที่เข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจาได้ และ 54.76% คิดว่าการเจรจาไม่น่าจะเป็นไปได้
จากที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดงมีการรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา เริ่ม ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคมเป็นต้นมา เพื่อกดดันรัฐบาล โดยการกระตุ้น/ยั่วยุ ให้สถานการณ์ร้อนแรงขึ้นทั้งในเขต กทม. ปริมณฑล โดยใช้กลุ่มมวลชนจาก ต่างจังหวัดจำนวนมากเป็นแนวร่วมในการเคลื่อนกำลังไปตามจุดต่างๆที่เป็นพื้นที่เป้าหมาย โดยรัฐบาลได้เฝ้าระวังและกำชับให้ทหาร ตำรวจทั้งหลาย ต้องอดทนต่อสิ่งยั่วยุหรือคำพูดที่รุนแรง ขณะที่สื่อมวลชนเองก็ต้องมีการรายงานข่าวสารอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวถูกวิจารณ์ว่าขาดความเป็นกลาง เพื่อเป็นการประเมินสถานการณ์ในภาพรวมจากวันแรกของการชุมนุมจนถึงวันนี้ “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตจึงได้สำรวจความคิดเห็น จากประชาชนในกรุงเทพฯ ปริมณฑล จำนวน 1,468 คน ระหว่างวันที่ 18-20 มีนาคม 2553 สรุปผลได้ดังนี้
อันดับ 1 รัฐบาลมีความอดทนและสามารถแก้ปัญหาได้ดี 31.52% อันดับ 2 ไม่รุนแรงอย่างที่คิด ในภาพรวมถือว่าอยู่ในความเป็นระเบียบเรียบร้อยดี หากการชุมนุมเป็นอย่างนี้ต่อไป อาจได้รับการสนับสนุน/ยอมรับจากประชาชน 26.23% อันดับ 3 เป็นการเคลื่อนไหวที่สามารถเรียกร้องความสนใจจากสื่อต่างๆทั่วโลกได้ 17.72% อันดับ 4 รู้สึกเบื่อ ทำให้ไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทางและยังต้องคอยติดตามข่าวสารตลอดเวลา 14.90% อันดับ 5 แกนนำเสื้อแดงให้ความร่วมมือกับ จนท.ของรัฐได้ดี โดยเฉพาะการแจ้งข่าวหรือบอกให้ทราบล่วงหน้า ถึงการเคลื่อนไหวในการชุมนุม 9.63% 2. ประชาชนคิดว่า “จุดแข็ง” ของการชุมนุมครั้งนี้ คือ อันดับ 1 มีอดีตนายกฯทักษิณ ที่คอยกระตุ้นและพูดให้กำลังใจเพื่อให้มีการชุมนุมต่อไป 40.43% อันดับ 2 ประเด็นในการเรียกร้องชัดเจน คือ ต้องการให้นายกฯ อภิสิทธิ์ยุบสภา 29.17% อันดับ 3 แกนนำของแต่ละพื้นที่สามารถรวบรวมมวลชนให้มาเข้าร่วมชุมนุมได้มากตามเป้าหมาย 16.18% อันดับ 4 มีการวางแผนอย่างเป็นระบบและรัดกุม / ทีมรักษาความปลอดภัยทำงานได้ดี 14.22% 3. ประชาชนคิดว่า “จุดอ่อน” ของการชุมนุมครั้งนี้ คือ อันดับ 1 แกนนำไม่เข้มแข็ง /เกิดความแตกแยกทางความคิดระหว่างแกนนำด้วยกันเอง 37.03% อันดับ 2 เหตุผลสนับสนุนที่ใช้เรียกร้องให้นายกฯอภิสิทธิ์ยุบสภายังอ่อนเกินไป 25.20% อันดับ 3 การนำเลือดของกลุ่มผู้ชุมนุมมาใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ทำให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆ 19.56% อันดับ 4 หากการชุมนุมยืดเยื้อต่อไปจะส่งผลให้กลุ่มผู้ชุมนุมเกิดความอ่อนล้าและอยากกลับบ้านส่งผลให้จำนวนผู้ชุมนุมลดลง 18.21% 4. บทเรียนของการชุมนุมครั้งนี้ที่จะมีผลต่อการชุมนุมในครั้งต่อไป คือ อันดับ 1 ทั้งฝ่ายรัฐบาลและเสื้อแดงสามารถนำบทเรียนที่ได้จากครั้งนี้ไปปรับใช้หากมีการชุมนุมเกิดขึ้นอีก 56.11% อันดับ 2 ส่งผลให้ประชาชนมีการกลั่นกรองข้อมูลข่าวสารที่ดีก่อนที่จะด่วนสรุปหรือตัดสินใจไม่ตื่นตระหนกกับข่าวที่ออกมา 23.63% อันดับ 3 หากมีการชุมนุมขึ้นอีก แกนนำจะต้องมีการกำหนดวัตถุประสงค์ในการเรียกร้องที่ชัดเจน สมเหตุสมผล 20.26% 5. ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ ? ที่จะมีการเจรจาเพื่อยุติการชุมนุม อันดับ 1 เห็นด้วย 74.78%
เพราะ จะได้ไม่ต้องมาเห็นคนไทยทะเลาะกัน ,บ้านเมืองจะได้สงบสุข ประชาชนคลายความกังวลใจ,
นักการเมืองทำงานได้เต็มที่ ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่แน่ใจ 14.79%
เพราะ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้มีอำนาจของแต่ละฝ่าย ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่เห็นด้วย 10.43%
เพราะ เจรจาไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะต่างฝ่ายต่างมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ฯลฯ
อันดับ 1 นำความต้องการของทั้ง 2 ฝ่ายมาเจรจาตกลงกัน 40.78% อันดับ 2 การเจรจาด้วยเหตุและผล ประนีประนอมกัน 35.19% อันดับ 3 ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ 24.03% 7. ประชาชนคิดว่า ใคร? น่าจะมาเป็นตัวกลางที่จะทำให้การเจรจาสำเร็จได้ อันดับ 1 ยังมองไม่เห็นว่าจะมีใครที่เข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจาได้ 42.44% อันดับ 2 ควรเป็นผู้มีอำนาจของแต่ละฝ่ายมาเจรจากัน 33.54% อันดับ 3 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ 18.62% อื่นๆ เช่น ประธานวุฒิสภา , ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ,สื่อมวลชน ,ตัวแทนภาคประชาชน ฯลฯ 5.40% 8. ประชาชนคิดว่าการเจรจาน่าจะเป็นไปได้หรือไม่? อันดับ 1 ไม่น่าจะเป็นไปได้ 54.76%
เพราะ ต่างฝ่ายต่างก็มีจุดยืนเป็นของตนเอง เจรจาไปก็คงเสียเวลาเปล่า ฯลฯ
อันดับ 2 ค่อนข้างเป็นไปได้ 24.35%
เพราะ ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการที่จะเห็นบ้านเมืองสงบสุขและอยากให้มีการเจรจาเกิดขึ้น ฯลฯ
อันดับ 3 คงเป็นไปไม่ได้ 16.54%
เพราะ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบานปลายไปมากจนยากที่จะแก้ไขหรือหาข้อยุติลงได้ ฯลฯ
อันดับ 4 เป็นไปได้มาก 4.35%
เพราะ คิดว่าต่างฝ่ายต่างต้องการที่จะหาทางลงด้วยวิธีที่ดีที่สุด และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ฯลฯ
--สวนดุสิตโพล--