ประชาชน 51.44% คิดว่า “สาเหตุ” ของการระเบิด ต้องการให้บ้านเมืองวุ่นวาย ปั่นป่วน /เป็นการขู่เตือนรัฐบาล และประชาชน 42.43% เห็นว่าประชาชนเองสามารถช่วยเป็นหูเป็นตา ดูแลสอดส่องสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลได้
ตามที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ได้สรุปเหตุการณ์ระเบิดในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดกว่า 20 ครั้งใน รอบ 1 เดือน ซึ่งถือเป็นความหนักใจของ ศอ.รส. ทั้งทหาร ตำรวจอย่างมาก โดยเฉพาะกรุงเทพฯ มีพื้นที่กว้างเป็นเรื่องที่ป้องกันยาก ทำให้ รัฐบาลต้องขยายเวลาให้มีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงต่อไป เพื่อให้ทหารตำรวจได้ทำงานอย่างเต็มที่เต็มกำลัง แต่ก็ยังมีเหตุร้ายเกิดขึ้นรายวัน ในบ้านเมืองเรา จากสถานการณ์เช่นนี้จึงถูกมองว่าการดูแลเฝ้าระวังไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจ ทหาร เท่านั้นแต่เป็นหน้าที่ของทุกคน “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏ สวนดุสิตจึงได้สำรวจความคิดเห็นจากประชาชนในกรุงเทพฯ ปริมณฑล จำนวน 1,360 คน ระหว่างวันที่ 25-27 มีนาคม 2553 สรุปผลได้ดังนี้
อันดับ 1 สร้างความวิตกกังวลให้กับประชาชน เกรงว่าจะได้รับอันตรายจากเหตุระเบิด /ต้องระมัดระวังมากขึ้น 30.21% อันดับ 2 รัฐบาล ศอ.รส. และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องหามาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด และเด็ดขาดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้น /ผู้ที่สร้างสถานการณ์ต้องการดิสเครดิตรัฐบาล 29.18% อันดับ 3 ผู้ที่ลงมือน่าจะเป็นกลุ่มบุคคลเดียวกัน มีการวางแผน/เตรียมการเป็นอย่างดี /เป็นการส่งสัญญาณเตือนรัฐบาล 19.34% อันดับ 4 ทำให้ทรัพย์สินเสียหายและผู้ที่ทำงานต้องหวาดผวา 11.20% อันดับ 5 หน่วยข่าวกรองต้องทำงานหนักขึ้น สืบหาข้อเท็จจริงและมีการข่าวข่าวที่แม่นยำเพื่อลดความเสี่ยงจากเหตุระเบิด 10.07% 2. ประชาชนคิดว่า “สาเหตุ” ของการระเบิดมาจากเรื่องใด? อันดับ 1 ต้องการสร้างสถานการณ์ให้บ้านเมืองดูวุ่นวาย ปั่นป่วน /เป็นการขู่เตือนรัฐบาล 51.44% อันดับ 2 ต้องการมุ่งเป้าโจมตีไปตามแหล่ง /สถานที่สำคัญ เช่น ส่วนราชการและธนาคาร เป็นต้น 18.78% อันดับ 3 เป็นการสร้างสถานการณ์ให้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นฝีมือของกลุ่มคนเสื้อแดง 16.30% อันดับ 4 มาจากความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันและความขัดแย้งทางการเมือง 13.48% 3. จากเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประชาชนคิดว่ามีผลกระทบอะไรบ้าง? อันดับ 1 ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของรัฐบาล 30.62% อันดับ 2 ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติในเรื่องของความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 25.19% อันดับ 3 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว 23.07% อันดับ 4 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนในด้านการเดินทาง การค้าขาย และการประกอบอาชีพ 12.27% อันดับ 5 ประชาชนไม่กล้าเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เช่น ศูนย์การค้า วัด หรือสถานที่สำคัญๆ 8.85% 4. จากที่มีกระแสข่าวออกมาว่าเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นมีผู้ก่อการร้ายภาคใต้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ประชาชนคิดว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด? อันดับ 1 ไม่แน่ใจ 48.07%
เพราะ บ้านเมืองในวันนี้วุ่นวายมากแบ่งเป็นหลายขั้ว ข้อมูลข่าวสารที่ถูกปล่อยออกมามีหลายกระแส จับต้นชนปลายไม่ถูก ฯลฯ
อันดับ 2 เป็นไปไม่ได้ 27.56%
เพราะ ไม่ควรนำมาเกี่ยวโยงกัน คนละสถานการณ์ ,ผู้ก่อการร้ายภาคใต้ไม่น่าจะชำนาญเส้นทางหรือรู้จักพื้นที่ในกทม.ดี ฯลฯ
อันดับ 3 เป็นไปได้ 24.37%
เพราะ ผู้ก่อการร้ายภาคใต้มีความชำนาญด้านระเบิดและอาจได้รับการว่าจ้างให้มาทำงานนี้ ฯลฯ
อันดับ 1 เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตามจุดสำคัญๆและติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มมากขึ้น 40.21% อันดับ 2 ประชาสัมพันธ์ /ขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้กับส่วนราชการเมื่อพบเจอสิ่งผิดปกติ 25.08% อันดับ 3 ด้านการข่าว/หน่วยข่าวกรองต้องทำงานหนักมากขึ้น การตรวจสอบหรือเช็คข่าวที่ถูกต้องแม่นยำ 13.50% อันดับ 4 รัฐบาล /ศอ.รส. ต้องกำชับไปยังหน่วยงานที่ควบคุมดูแลอาวุธยุทโธปกรณ์ร้ายแรง หากเกิดสิ่งผิดปกติ 12.28%
ก็ให้รีบรายงานให้ทราบทันที
อันดับ 5 มีการตั้งรางวัลให้แก่ผู้ที่แจ้งเบาะแสหรือให้ข้อมูลของผู้ที่กระทำผิด 8.93% 6. ประชาชนเองสามารถช่วยเหลือหรือมีส่วนร่วมในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุดังกล่าวได้อย่างไร? อันดับ 1 ช่วยเป็นหูเป็นตา ดูแลสอดส่องสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลหรือสิ่งผิดปกติ 42.43% อันดับ 2 เชื่อฟัง /ให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ 22.73% อันดับ 3 ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรออกนอกบ้าน เมื่อมีธุระจำเป็นก็รีบทำให้เสร็จและกลับบ้านทันที 18.49% อันดับ 4 ประชาชนต้องคอยติดตามข่าวสารสถานการณ์บ้านเมืองอยู่ตลอดเวลา 16.35% 7. สื่อมวลชนควรนำเสนอข่าวระเบิดอย่างไร? ให้สร้างสรรค์ อันดับ 1 นำเสนอข่าวสารอย่างเป็นกลาง ตรงไปตรงมา ตามข้อเท็จจริง 54.82% อันดับ 2 สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ข่าวได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน 37.58% อันดับ 3 เสนอวิธีการป้องกันหรือการรับมือเมื่อเกิดเหตุระเบิดขึ้น 7.60%
--สวนดุสิตโพล--