การเปิดทีวีดาวเทียม จะทำให้เกิด “ความขัดแย้ง” และ ประชาชน เห็นควร “ปิด” ทั้ง เอเอสทีวี (ASTV) และ พีทีวี (PTV)
จากกรณีที่คุณวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย จะเปิดตัวสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมที่เรียกว่า “พีทีวี” ซึ่งก็คล้าย
กับ “เอเอสทีวี” ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อยู่ขณะนี้ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของ
ประชาชนที่ติดตามข่าวดังกล่าวในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 1,378 คน โดยสำรวจระหว่างวันที่ 23 -25 กุมภาพันธ์ 2550 สรุปผลได้ดังนี้
1. ประชาชน “เห็นด้วย” หรือ “ไม่เห็นด้วย” กับการออกอากาศของ “พีทีวี”
อันดับที่ 1 เฉยๆ 42.69%
เพราะ ดูช่องไหนก็เหมือนกัน, ประชาชนสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้, ยังไม่เห็นการนำเสนอข่าวของพีทีวี,ดูช่องอื่นๆ ก็พอ,
ข่าวไม่รู้ว่ามีข้อมูลจริงมากน้อยแค่ไหน ฯลฯ
อันดับที่ 2 ไม่เห็นด้วย 30.04%
เพราะ ทำให้เกิดความแตกแยก, ดูเป็นการแบ่งพรรคพวก,อาจจะหาข้อยุติไม่ได้, เกรงว่าเงินที่ได้รับการสนับสนุน
อาจจะได้รับมาจากกลุ่มผู้มีอิทธิพล ฯลฯ
อันดับที่ 3 เห็นด้วย 27.27%
เพราะ มีช่องทางรับรู้ข่าวสารเพิ่มมากขึ้น,เป็นสิทธิที่พึงกระทำ,เกิดทางเลือกในการรับฟังข่าวสาร ฯลฯ
2. ประชาชนคิดอย่างไร? เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง “เอเอสทีวี” ของนายสนธิ ลิ้มทองกุลกับ “พีทีวี” ของ นายวีระ มุสิกพงศ์
อันดับที่ 1 ถ้าเปิดโอกาสให้ทั้ง 2 ช่อง นำเสนอข่าวสารจะก่อให้เกิดความขัดแย้ง / ทำให้เกิดการแบ่งขั้วทางความคิดออกเป็น 2 กลุ่ม 31.15%
อันดับที่ 2 ควรรอดูสักระยะก่อน เพราะยังไม่เห็นการนำเสนอของ พีทีวี 21.95%
อันดับที่ 3 ต่างฝ่ายต่างนำข้อมูลของตนเองมานำเสนอมากเกินไป จนขาดความเป็นกลาง 19.51%
อันดับที่ 4 เป็นการนำเสนอข่าวเพื่อโจมตีกัน โดยใช้สื่อเป็นเครื่องมือ 14.63%
อันดับที่ 5 เปรียบเหมือนการโต้วาทีของทั้ง 2 ฝ่าย คือ สนธิแฉกลโกงของรัฐบาลเก่า ส่วนพีทีวี เป็นฝ่ายแก้ต่างในประเด็นที่ถูกกล่าวหา 12.76%
3. ถ้าประชาชนมีโอกาสได้ดูโทรทัศน์ทั้ง 2 ช่องนี้ ประชาชนจะ เลือกดูช่องใด?
อันดับที่ 1 ดูทั้ง 2 ช่อง 48.83%
เพราะ อยากรู้ข้อมูล, ต้องการเปรียบเทียบข้อมูลของทั้ง2ฝ่าย, ต่างคนต่างมุมมอง คงมีอะไรนำเสนอที่ดีกว่า ฯลฯ
อันดับที่ 2 ไม่ดูทั้ง 2 ช่อง 37.11%
เพราะ ข้อมูลที่นำเสนอแต่ละฝ่ายไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน, อาจจะเป็นการโจมตีมากกว่า, สร้างความแตกแยก ฯลฯ
อันดับที่ 3 เอเอสทีวี ของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล 8.59%
เพราะ สนธิพูดตรงกล้านำเสนอ, เป็นสื่อมวลชน, ไม่เป็นเครื่องมือทั้งของ คมช. และทักษิณ ฯลฯ
อันดับที่ 4 พีทีวี ของ นายวีระ มุสิกพงศ์ 5.47%
เพราะ อยากดูรูปแบบการนำเสนอ-รายการเนื้อหาสาระ, ไม่ชอบรายการของสนธิ ฯลฯ
4. ประชาชนเห็นว่า “รัฐบาล” ควรจะดำเนินการกับ กรณีที่เกิดขึ้น ดังนี้
อันดับที่ 1 ควรปิดทั้ง 2 ช่อง เพื่อลดความขัดแย้งและเพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ 25.74%
อันดับที่ 2 รัฐบาลควรดำเนินการอย่างเป็นกลาง และควรมีการควบคุมสื่ออย่างชัดเจนและเหมาะสม 23.76%
อันดับที่ 3 ให้เปิดทั้ง 2 ช่อง แต่จะต้องมีการควบคุมและตรวจสอบอย่างเคร่งครัดอยู่ภายใต้กฎหมายการเผยแพร่-ควบคุมสื่อ 21.78%
อันดับที่ 4 ควรมีการศึกษาข้อมูลและพิจารณาโดยรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจให้เปิด พีทีวี 19.80%
อันดับที่ 5 รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ดีกว่านี้ 8.92%
--สวนดุสิตโพล--
-พห-
จากกรณีที่คุณวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย จะเปิดตัวสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมที่เรียกว่า “พีทีวี” ซึ่งก็คล้าย
กับ “เอเอสทีวี” ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อยู่ขณะนี้ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของ
ประชาชนที่ติดตามข่าวดังกล่าวในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 1,378 คน โดยสำรวจระหว่างวันที่ 23 -25 กุมภาพันธ์ 2550 สรุปผลได้ดังนี้
1. ประชาชน “เห็นด้วย” หรือ “ไม่เห็นด้วย” กับการออกอากาศของ “พีทีวี”
อันดับที่ 1 เฉยๆ 42.69%
เพราะ ดูช่องไหนก็เหมือนกัน, ประชาชนสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้, ยังไม่เห็นการนำเสนอข่าวของพีทีวี,ดูช่องอื่นๆ ก็พอ,
ข่าวไม่รู้ว่ามีข้อมูลจริงมากน้อยแค่ไหน ฯลฯ
อันดับที่ 2 ไม่เห็นด้วย 30.04%
เพราะ ทำให้เกิดความแตกแยก, ดูเป็นการแบ่งพรรคพวก,อาจจะหาข้อยุติไม่ได้, เกรงว่าเงินที่ได้รับการสนับสนุน
อาจจะได้รับมาจากกลุ่มผู้มีอิทธิพล ฯลฯ
อันดับที่ 3 เห็นด้วย 27.27%
เพราะ มีช่องทางรับรู้ข่าวสารเพิ่มมากขึ้น,เป็นสิทธิที่พึงกระทำ,เกิดทางเลือกในการรับฟังข่าวสาร ฯลฯ
2. ประชาชนคิดอย่างไร? เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง “เอเอสทีวี” ของนายสนธิ ลิ้มทองกุลกับ “พีทีวี” ของ นายวีระ มุสิกพงศ์
อันดับที่ 1 ถ้าเปิดโอกาสให้ทั้ง 2 ช่อง นำเสนอข่าวสารจะก่อให้เกิดความขัดแย้ง / ทำให้เกิดการแบ่งขั้วทางความคิดออกเป็น 2 กลุ่ม 31.15%
อันดับที่ 2 ควรรอดูสักระยะก่อน เพราะยังไม่เห็นการนำเสนอของ พีทีวี 21.95%
อันดับที่ 3 ต่างฝ่ายต่างนำข้อมูลของตนเองมานำเสนอมากเกินไป จนขาดความเป็นกลาง 19.51%
อันดับที่ 4 เป็นการนำเสนอข่าวเพื่อโจมตีกัน โดยใช้สื่อเป็นเครื่องมือ 14.63%
อันดับที่ 5 เปรียบเหมือนการโต้วาทีของทั้ง 2 ฝ่าย คือ สนธิแฉกลโกงของรัฐบาลเก่า ส่วนพีทีวี เป็นฝ่ายแก้ต่างในประเด็นที่ถูกกล่าวหา 12.76%
3. ถ้าประชาชนมีโอกาสได้ดูโทรทัศน์ทั้ง 2 ช่องนี้ ประชาชนจะ เลือกดูช่องใด?
อันดับที่ 1 ดูทั้ง 2 ช่อง 48.83%
เพราะ อยากรู้ข้อมูล, ต้องการเปรียบเทียบข้อมูลของทั้ง2ฝ่าย, ต่างคนต่างมุมมอง คงมีอะไรนำเสนอที่ดีกว่า ฯลฯ
อันดับที่ 2 ไม่ดูทั้ง 2 ช่อง 37.11%
เพราะ ข้อมูลที่นำเสนอแต่ละฝ่ายไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน, อาจจะเป็นการโจมตีมากกว่า, สร้างความแตกแยก ฯลฯ
อันดับที่ 3 เอเอสทีวี ของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล 8.59%
เพราะ สนธิพูดตรงกล้านำเสนอ, เป็นสื่อมวลชน, ไม่เป็นเครื่องมือทั้งของ คมช. และทักษิณ ฯลฯ
อันดับที่ 4 พีทีวี ของ นายวีระ มุสิกพงศ์ 5.47%
เพราะ อยากดูรูปแบบการนำเสนอ-รายการเนื้อหาสาระ, ไม่ชอบรายการของสนธิ ฯลฯ
4. ประชาชนเห็นว่า “รัฐบาล” ควรจะดำเนินการกับ กรณีที่เกิดขึ้น ดังนี้
อันดับที่ 1 ควรปิดทั้ง 2 ช่อง เพื่อลดความขัดแย้งและเพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ 25.74%
อันดับที่ 2 รัฐบาลควรดำเนินการอย่างเป็นกลาง และควรมีการควบคุมสื่ออย่างชัดเจนและเหมาะสม 23.76%
อันดับที่ 3 ให้เปิดทั้ง 2 ช่อง แต่จะต้องมีการควบคุมและตรวจสอบอย่างเคร่งครัดอยู่ภายใต้กฎหมายการเผยแพร่-ควบคุมสื่อ 21.78%
อันดับที่ 4 ควรมีการศึกษาข้อมูลและพิจารณาโดยรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจให้เปิด พีทีวี 19.80%
อันดับที่ 5 รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ดีกว่านี้ 8.92%
--สวนดุสิตโพล--
-พห-