จากกระแสข่าววงการบันเทิงที่เป็นที่สนใจของคนทั่วประเทศขณะนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฟิล์ม รัฐภูมิ กับ แอนนี่ บรู๊ค ที่คลอดลูกชายมาได้ 3 เดือนแล้ว จนกลายเป็นกระแสที่ถึงขั้นต้องมีการพิสูจน์ DNA เพื่อหาข้อเท็จจริง “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้สอบถามความคิดเห็นจากประชาชนในกรุงเทพฯ ปริมณฑลที่สนใจติดตามข่าวนี้ จำนวน 1,276 คน ระหว่างวันที่ 20-23 กันยายน 2553 สรุปผลได้ดังนี้
อันดับ 1 มากเกินไป 62.07%
เพราะ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาสื่อทุกแขนงมีการนำเสนอข่าวฟิล์มกับแอนนี่อย่างต่อเนื่อง ,ถึงทั้ง 2 คนจะเป็นดาราแต่ก็ควรถือเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ควรนำมาเปิดเผย ฯลฯ
อันดับ 2 เหมาะสมแล้ว 32.18%
เพราะ ทั้ง 2 คนเป็นคนในวงการทั้งคู่ ถือเป็นบุคคลสาธารณะที่เยาวชนหรือเด็กมักทำตาม ,เป็นหน้าที่ของสื่อที่จะต้องสะท้อนความจริงออกมา ฯลฯ
อันดับ 3 น้อยเกินไป 5.75%
เพราะ ประเด็นที่นำเสนอไม่มีอะไรใหม่ๆ ,นำเสนอข่าวเพียงด้านเดียวที่เป็นการตอกย้ำในสิ่งที่ไม่ดี ฯลฯ
อันดับ 1 อยากให้ออกมาพูดความจริง ช่วยกันหาทางแก้ไขจะดีกว่าเพราะเด็กที่เกิดขึ้นมาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร 29.61% อันดับ 2 เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทั่วไป แต่บังเอิญทั้ง 2 คนเป็นดาราจึงกลายเป็นข่าวคึกโครม 27.34% อันดับ 3 อยากให้มีการตรวจ DNA โดยเร็ว เพื่อจะได้ยุติเรื่องต่างๆที่คลางแคลงใจลง 26.44% อันดับ 4 เห็นใจทั้ง 2 ฝ่าย เพราะกรณีนี้กลายเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจและสื่อมวลชนติดตามอย่างใกล้ชิด 9.55% อันดับ 5 เป็นเรื่องส่วนตัว ควรปล่อยให้ฟิล์มกับแอนนี่ตกลงกันเองจะดีกว่า 7.06% 3. ประชาชนคิดว่าการนำเสนอข่าวของสื่อ กรณี “ข่าวฟิล์ม กับ แอนนี่” เป็นอย่างไร? อันดับ 1 ไม่เชื่อทั้ง 2 ฝ่าย 69.16%
เพราะ เรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและการงาน การให้ข้อมูลต่างๆอาจไม่เป็นความจริงเท่าที่ควร ฯลฯ
อันดับ 2 เชื่อแอนนี่มากกว่า 19.54%
เพราะ ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงฝ่ายหญิงคงไม่กล้าออกมาพูด ผู้เป็นแม่ย่อมรักและต้องการปกป้องลูก ฯลฯ
อันดับ 3 เชื่อฟิล์มมากกว่า 11.30%
เพราะ คิดว่าฟิล์มมีความเป็นลูกผู้ชายพอที่จะยอมรับในสิ่งที่ทำลงไป ,ไม่คุ้มกับชื่อเสียงที่มีมา ฯลฯ
อันดับ 1 สงสารและเห็นใจทั้ง 2 ฝ่ายพอๆกัน 55.17%
เพราะ ทั้ง 2 ฝ่ายคงจะเครียดพอๆกัน ,สังคมต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆโดยยังไม่รู้เรื่องราวข้อเท็จจริง ฯลฯ
อันดับ 2 สงสารและเห็นใจแอนนี่มากกว่า 24.89%
เพราะ ช่วงตั้งท้องคงลำบากเพราะต้องดูแลตนเองและลูกเพียงลำพัง , ได้รับผลกระทบทางจิตใจพอสมควร ฯลฯ
อันดับ 3 สงสารและเห็นใจฟิล์มมากกว่า 10.75%
เพราะ สังคมมองว่าฝ่ายชายต้องเป็นฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบ, ฟิล์มเป็นดาราที่มีชื่อสียงและมีแฟนคลับมาก ,ถูกยกเลิกงาน ฯลฯ
อันดับ 4 ไม่สงสารและไม่เห็นใจทั้ง 2 ฝ่าย 9.19%
เพราะ เรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นการยินยอมของทั้ง 2 ฝ่าย ทำให้คนรอบข้างหรือคนใกล้ชิดต้องได้รับผลกระทบไปด้วย ฯลฯ
อันดับ 1 ควรมีการตรวจ DNA 74.75%
เพราะ จะได้รู้ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร? เพื่อความถูกต้องและเป็นธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย ฯลฯ
อันดับ 2 ตรวจก็ได้ไม่ตรวจก็ได้ 19.51%
เพราะ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน มีทั้งผลดีและผลเสียที่กระทบต่อชีวิตและหน้าที่การงานของทั้งคู่ ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่ควรมีการตรวจ DNA 5.74%
เพราะ เป็นสิทธิส่วนบุคคล เป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่ควรนำมาเปิดเผย ฯลฯ
อันดับ 1 ตรวจ DNA เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง 62.12% อันดับ 2 พูดความจริง /พูดเรื่องจริง /ไม่โกหก 18.83% อันดับ 3 หาคนกลางหรือผู้ใหญ่ที่นับถือของทั้ง 2 ฝ่าย มาไกล่เกลี่ย 11.68% อันดับ 4 สื่อหยุดนำเสนอข่าว ปล่อยให้เรื่องจบลงไปเอง 7.37% 7. บทเรียน /สิ่งที่สังคมได้รับจากกรณีนี้ คือ อันดับ 1 จะทำอะไรต้องคิดให้รอบคอบ คำนึงถึงผลที่จะตามมาว่าคุ้มกันหรือไม่ 36.64% อันดับ 2 ผู้ที่เป็นดารา หรือ บุคคลสาธารณะจะต้องระมัดระวังตัวให้มากกว่าคนทั่วไป 31.55% อันดับ 3 สื่อมวลชนควรนำเสนอข่าวนี้อย่างเหมาะสม เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน 19.33% อันดับ 4 ผู้ปกครองหรือครูอาจารย์สามารถนำกรณีนี้ไปเป็นกรณีตัวอย่างสำหรับสอนเด็กได้ 12.48% --สวนดุสิตโพลล์-- -พห-