ที่ กธ. 9 /2556
เรื่อง การแยกและจัดการทรัพย์สินของลูกค้า
ในกรณีผู้ประกอบธุรกิจถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 และมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 และมาตรา 14 และมาตรา 111/1 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 36 มาตรา 41 มาตรา 43 มาตรา 44 มาตรา 45 และมาตรา 64 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย คณะกรรมการ ก.ล.ต. โดยได้ปรึกษาหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมออกข้อกำหนดไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เป็นต้นไป
ข้อ 2 ในประกาศนี้
“ผู้ประกอบธุรกิจ” หมายความว่า
(1) ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประเภทตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
(2) บริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์
(3) ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอื่นที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนดเพิ่มเติมตามมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 และบริษัทหลักทรัพย์อื่นที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนดเพิ่มเติมตามมาตรา 111/1 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
“ทรัพย์สินของลูกค้า” หมายความว่า ทรัพย์สินที่ถือว่าเป็นของลูกค้าตามที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ แล้วแต่กรณี
“ลูกค้า” หมายความว่า ลูกค้าของผู้ประกอบธุรกิจตามที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ แล้วแต่กรณี
“สำนักหักบัญชี” หมายความว่า สำนักหักบัญชีสำหรับธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือสำนักหักบัญชีสำหรับธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์ แล้วแต่กรณี
“ผู้มีอำนาจดำเนินการ” หมายความว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และสำนักงาน ก.ล.ต.
“บัญชีทรัพย์สินของลูกค้า” หมายความว่า บัญชีทรัพย์สินของลูกค้าที่ผู้ประกอบธุรกิจจัดทำขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ แล้วแต่กรณี และกฎเกณฑ์ที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว
ข้อ 3 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับกับการแยกและจัดการทรัพย์สินของผู้ประกอบธุรกิจที่ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ เพื่อประโยชน์ในการจัดการชำระราคาและส่งมอบสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือหลักทรัพย์ของลูกค้า และการจัดการทรัพย์สินของลูกค้าที่ไม่มีภาระผูกพันกับผู้ประกอบธุรกิจซึ่งได้มี การแบ่งแยกไว้อย่างชัดเจนแล้ว
หมวด 1
ขอบเขตการดำเนินการ
ข้อ 4 เพื่อประโยชน์ในการชำระหนี้ในตลาดทุนโดยรวม และเพื่อให้ลูกค้าได้รับทรัพย์สินที่มีหลักฐานแสดงให้เห็นได้ว่าเป็นทรัพย์สินของลูกค้าซึ่งอยู่ในความครอบครองของผู้ประกอบธุรกิจที่ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ให้ผู้มีอำนาจดำเนินการทำการแยกและจัดการทรัพย์สินของลูกค้าเมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์โดยไม่ชักช้าและให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
(1) ให้สำนักงาน ก.ล.ต. ดำเนินการแยกและจัดการทรัพย์สินของลูกค้าดังต่อไปนี้
(ก) รวบรวมและจัดสรรทรัพย์สินของลูกค้าคืนให้แก่ลูกค้า
(ข) โอนบัญชีและทรัพย์สินของลูกค้าไปให้ผู้ประกอบธุรกิจรายอื่น
(ค) ล้างฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของลูกค้าในกรณีที่ไม่สามารถโอนให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้ารายอื่นได้
(2) ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการอื่นใดนอกเหนือจากการดำเนินการตาม (1) เพื่อประโยชน์ในการจัดการทรัพย์สินของผู้ประกอบธุรกิจที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย
ข้อ 5 ในการดำเนินการตามข้อ 4(1) ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ช่วยเหลือสนับสนุนการดำเนินการใด ๆ เพื่อให้สำนักงาน ก.ล.ต. สามารถดำเนินการได้สำเร็จลุล่วง และให้สำนักงาน ก.ล.ต. ประสานงานให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบการดำเนินการดังกล่าวเพื่อให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สามารถดำเนินการตามข้อ 4(2) ได้
ข้อ 6 การดำเนินการตามข้อ 4 และข้อ 5 กรมบังคับคดีและสำนักงาน ก.ล.ต. อาจร่วมกันกำหนดแนวปฏิบัติในรายละเอียดได้
ข้อ 7 ในการดำเนินการแยกและจัดการทรัพย์สินของลูกค้าตามประกาศนี้ ผู้มีอำนาจดำเนินการอาจมอบหมายให้บุคคลอื่นดำเนินการแทนได้ตามที่เห็นสมควร
การมอบหมายการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ผู้มีอำนาจดำเนินการต้องติดตามดูแลให้ผู้ได้รับมอบหมายแยกและจัดการทรัพย์สินของลูกค้าให้เป็นไปตามที่ได้รับมอบหมาย ตามกฎหมาย และตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศนี้
หมวด 2
การแยกและจัดการทรัพย์สินของลูกค้า
ข้อ 8 ในการแยกและจัดการทรัพย์สินของลูกค้าของผู้ประกอบธุรกิจตามข้อ 4(1) ให้สำนักงาน ก.ล.ต. ตรวจพิสูจน์ทรัพย์สินของลูกค้าโดยให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
(1) ตรวจสอบทรัพย์สินของลูกค้าที่อยู่ในความครอบครองของผู้ประกอบธุรกิจ และภาระผูกพันที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือการซื้อขายหลักทรัพย์ รวมทั้งดำเนินการแยกทรัพย์สินของลูกค้าออกจากกองทรัพย์สินของผู้ประกอบธุรกิจ
(2) ชำระราคาหรือส่งมอบทรัพย์สินที่มีภาระผูกพันอยู่กับบุคคลภายนอกดังต่อไปนี้
(ก) บุคคลที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือการซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้า โดยชำระราคาหรือส่งมอบทรัพย์สินให้แก่สำนักหักบัญชี
(ข) บุคคลตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือสัญญาซื้อขายหลักทรัพย์ที่เกิดขึ้นนอกศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือนอกตลาดหลักทรัพย์ (over the counter) ซึ่งได้ดำเนินการผ่านหรือในนามของผู้ประกอบธุรกิจเพื่อประโยชน์ของลูกค้า โดยชำระราคาหรือส่งมอบทรัพย์สินให้แก่บุคคลดังกล่าว
(3) ส่งคืนทรัพย์สินของลูกค้าที่เหลืออยู่คืนให้แก่ลูกค้าหรือโอนบัญชีไปยังผู้ประกอบธุรกิจรายอื่น แล้วแต่กรณี ตามที่ลูกค้าแจ้งความประสงค์ไว้ ทั้งนี้ ในกรณีที่ไม่สามารถคืนหรือโอนบัญชีได้ ให้ดำเนินการล้างฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและคืนทรัพย์สินคงเหลือ (ถ้ามี) ให้แก่ลูกค้า
ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง หากสำนักงาน ก.ล.ต. ไม่สามารถติดต่อลูกค้าได้ หรือลูกค้าไม่มารับทรัพย์สินคืน ให้สำนักงาน ก.ล.ต. ดำเนินการตามแนวปฏิบัติที่กรมบังคับคดีและสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ร่วมกันกำหนดขึ้นตามข้อ 6
ข้อ 9 ในการจัดสรรทรัพย์สินคืนให้แก่ลูกค้า ให้สำนักงาน ก.ล.ต. คืนทรัพย์สินให้แก่ลูกค้าซึ่งไม่มีประโยชน์เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบธุรกิจที่ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ก่อน ในกรณีที่ทรัพย์สินของลูกค้าที่เหลืออยู่ภายหลังการแยกและจัดการทรัพย์สินของลูกค้าตามข้อ 8 ไม่เพียงพอที่จะคืนให้แก่ลูกค้าครบจำนวน ให้สำนักงาน ก.ล.ต. คืนทรัพย์สินให้แก่ลูกค้าเฉลี่ยตามสัดส่วนที่ปรากฏในบัญชีทรัพย์สินของลูกค้าที่ผู้ประกอบธุรกิจจัดทำไว้
ข้อ 10 ในกรณีที่มีข้อสงสัยว่าทรัพย์สินที่สำนักงาน ก.ล.ต. เข้าไปดำเนินการแยกและจัดการนั้นเป็นทรัพย์สินของลูกค้าหรือไม่ ให้สำนักงาน ก.ล.ต. ส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อจัดการทรัพย์สินของผู้ประกอบธุรกิจที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยล้มละลายต่อไป
ข้อ 11 ให้สำนักงาน ก.ล.ต. ดำเนินการแยกและจัดการทรัพย์สินของลูกค้าให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ผู้ประกอบธุรกิจถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ และเมื่อสำนักงาน ก.ล.ต. ดำเนินการตามประกาศนี้แล้วเสร็จ ให้สำนักงาน ก.ล.ต. แจ้งการดำเนินการพร้อมค่าใช้จ่าย (ถ้ามี) ให้กรมบังคับคดีทราบเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อประโยชน์ในการจัดการทรัพย์สินของผู้ประกอบธุรกิจที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย และเพื่อให้มีการชำระค่าใช้จ่ายตามมาตรา 130 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 ให้สำนักงาน ก.ล.ต. ตามความเหมาะสมต่อไป
ประกาศ ณ วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556
(นายอัชพร จารุจินดา)
ประธานกรรมการ
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์