ที่ สธ. 46 /2556
เรื่อง การประกอบธุรกิจอื่นของผู้ประกอบธุรกิจ
สัญญาซื้อขายล่วงหน้า
(ฉบับที่ 2)
โดยที่มาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 กำหนดห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประกอบธุรกิจอื่น เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. สำนักงาน ก.ล.ต. จึงปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการให้ความเห็นชอบการประกอบธุรกิจการซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยมีสัญญาขายหรือซื้อคืนของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นบทนิยามคำว่า “ผู้ลงทุนสถาบัน” และ “อันดับที่สามารถลงทุนได้” ระหว่างบทนิยามคำว่า “ผู้ประกอบธุรกิจสัญญา” และคำว่า “ตราสารแห่งหนี้ภาครัฐ” ในข้อ 2 แห่งประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการประกอบธุรกิจอื่นของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2550 ลงวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2550
““ผู้ลงทุนสถาบัน” หมายความว่า ผู้ลงทุนสถาบันตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการกำหนดบทนิยามผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่
“อันดับที่สามารถลงทุนได้” (investment grade) หมายความว่า อันดับความน่าเชื่อถือที่แต่ละสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดว่าเป็นอันดับความน่าเชื่อถือที่ผู้ลงทุนสามารถลงทุนได้ ”
ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในวรรคสองของข้อ 4 แห่งประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการประกอบธุรกิจอื่นของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2550 ลงวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 และใช้ความต่อไปนี้แทน
“ในกรณีที่การประกอบธุรกิจอื่นตามวรรคหนึ่งเป็นการซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยมีสัญญาขายหรือซื้อคืน หรือเป็นการลงทุนในกิจการอื่นเกินกว่าร้อยละห้าสิบขึ้นไปของทุนทั้งหมดของกิจการนั้น ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามที่กำหนดในข้อ 5 ข้อ 5/1 ข้อ 6 ข้อ 6/1 หรือข้อ 7 แล้วแต่กรณีด้วย”
ข้อ 3 ให้ยกเลิกความในข้อ 5 แห่งประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการประกอบธุรกิจอื่นของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2550 ลงวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 และใช้ความต่อไปนี้แทน
“ข้อ 5 ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาอาจประกอบธุรกิจโดยการซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยมีสัญญาขายหรือซื้อคืนได้ ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
(1) บุคคลที่เป็นคู่สัญญาต้องมีภูมิลำเนาในประเทศไทย
(2) ในกรณีที่คู่สัญญาเป็นผู้ลงทุนสถาบัน การทำสัญญาซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยมีสัญญาขายหรือซื้อคืนต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ในข้อ 5/1
(3) ในกรณีที่คู่สัญญาเป็นบุคคลอื่นใดที่มิใช่ผู้ลงทุนสถาบัน ต้องจัดให้มีระบบการบริหารความเสี่ยงตามที่กำหนดในข้อ 6 และการทำสัญญาซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยมีสัญญาขายหรือซื้อคืนต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ในข้อ 6/1”
ข้อ 4 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ 5/1 แห่งประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการประกอบธุรกิจอื่นของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2550 ลงวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2550
“ข้อ 5/1 ในการทำสัญญาซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยมีสัญญาขายหรือซื้อคืนกับผู้ลงทุนสถาบันในหลักทรัพย์ประเภทหุ้น ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาต้องกำหนดเงื่อนไขในข้อสัญญาเพื่อห้ามนำหุ้นที่ได้มาจากการซื้อหลักทรัพย์โดยมีสัญญาขายคืนไปขายต่อ เว้นแต่เป็นการขายต่อในกรณีดังต่อไปนี้
(1) เป็นการขายต่อตามสัญญาซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยมีสัญญาขายหรือซื้อคืนอื่น
(2) เป็นการขายหรือโอนตามข้อกำหนดในธุรกรรมการซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยมีสัญญาขายหรือซื้อคืนดังกล่าว”
ข้อ 5 ให้ยกเลิกความในข้อ 6 แห่งประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการประกอบธุรกิจอื่นของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2550 ลงวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 และใช้ความต่อไปนี้แทน
“ข้อ 6 ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาต้องจัดให้มีระบบการบริหารความเสี่ยง เพื่อรองรับการประกอบธุรกิจโดยการซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยมีสัญญาขายหรือซื้อคืนกับบุคคลอื่นใดที่มิใช่ผู้ลงทุนสถาบันอย่างน้อยดังต่อไปนี้
(1) จัดให้มีระบบการโอนหรือเรียกให้โอนกรรมสิทธิ์ในหลักทรัพย์ที่ซื้อขายรวมถึงระบบการบริหารจัดการเพื่อรักษาอัตราส่วนระหว่างมูลค่าตามราคาตลาดของหลักทรัพย์ที่ซื้อขายกับราคาที่กำหนดให้ซื้อหลักทรัพย์คืน ให้สอดคล้องกับผลการวิเคราะห์ความเสี่ยงของคู่สัญญา
(2) จัดให้มีระบบการคัดเลือกหลักทรัพย์ที่ซื้อขายอย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงสภาพคล่องและผลกระทบที่จะมีต่อการประกอบธุรกิจในภาพรวม
(3) จัดให้มีการประมวลผลและรายงานข้อมูลให้ผู้บริหารทราบถึงระดับความเสี่ยงในการทำธุรกรรมการซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยมีสัญญาขายหรือซื้อคืน
(4) จัดให้มีการปรับปรุงการบริหารความเสี่ยงให้สอดคล้องกับปริมาณและความซับซ้อนของการทำธุรกรรมการซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยมีสัญญาขายหรือซื้อคืนอย่างสม่ำเสมอ”
ข้อ 6 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ 6/1 แห่งประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการประกอบธุรกิจอื่นของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2550 ลงวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2550
“ข้อ 6/1 ในการทำสัญญาซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยมีสัญญาขายหรือซื้อคืนกับบุคคลอื่นใดที่มิใช่ผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาต้องจัดทำสัญญาเป็นหนังสือซึ่งกำหนดเงื่อนไขดังต่อไปนี้
(1) กำหนดให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยมีสัญญาขายหรือซื้อคืนในหลักทรัพย์เฉพาะประเภทตราสารแห่งหนี้ภาครัฐ หรือหุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grade)
(2) กำหนดระยะเวลาการรับชำระหนี้ตามสัญญาต้องไม่เกินหนึ่งปี
(3) กรณีเป็นการทำสัญญาที่ผู้ประกอบธุรกิจสัญญามีหน้าที่ต้องส่งมอบหลักทรัพย์ตามสัญญาให้แก่ผู้ซื้อ ต้องกำหนดหน้าที่เกี่ยวกับการส่งมอบหลักทรัพย์ตามสัญญาตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
(ก) ต้องโอนกรรมสิทธิ์ในหลักทรัพย์ตามวรรคหนึ่ง (1) ให้แก่ผู้ซื้อ
(ข) ต้องจัดให้มีการดำรงอัตราส่วนระหว่างมูลค่าตามราคาตลาดของหลักทรัพย์ที่ซื้อขายกับราคาที่กำหนดให้ซื้อหลักทรัพย์คืนให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่าร้อยละหนึ่งร้อย
(ค) ต้องจัดให้มีธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทเงินทุนตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน หรือบริษัทหลักทรัพย์หรือศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นผู้ทำหน้าที่ดูแลและเก็บรักษาหลักทรัพย์ที่ซื้อขาย ติดตามการเปลี่ยนแปลงมูลค่าตามราคาตลาดของหลักทรัพย์รวมทั้งเรียกหรือคืนเงินสดหรือหลักทรัพย์จากคู่สัญญา เพื่อรักษาอัตราส่วนระหว่างมูลค่าตามราคาตลาดของหลักทรัพย์ที่ซื้อขายกับราคาที่กำหนดให้ซื้อหลักทรัพย์คืนให้เป็นไปตามที่กำหนด ตลอดจนดูแลการส่งมอบผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์นั้นให้แก่คู่สัญญา
(4) กำหนดเงื่อนไขการเลิกสัญญา ในกรณีที่ปรากฏในภายหลังว่าหุ้นกู้ที่ทำการซื้อขายตามวรรคหนึ่ง (1) นั้น ถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือจนอยู่ในอันดับที่ไม่สามารถลงทุนได้สัญญาซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยมีสัญญาขายหรือซื้อคืนตามวรรคหนึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. หรือเป็นสัญญามาตรฐานที่สำนักงาน ก.ล.ต. ยอมรับ”
ข้อ 7 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556
(นายวรพล โสคติยานุรักษ์)
เลขาธิการ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์