ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่ สธ. 69/2558 เรื่อง ข้อกำหนดในรายละเอียดเกี่ยวกับการป้องกันและจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (ฉบับที่ 2)

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 29, 2015 10:12 —ประกาศ ก.ล.ต.

ที่ สธ. 69/2558

เรื่อง ข้อกำหนดในรายละเอียดเกี่ยวกับการป้องกันและ

จัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์

(ฉบับที่ 2)

____________________________

อาศัยอำนาจตามความในข้อ 5(1) ประกอบกับข้อ 16(6) ข้อ 19 ข้อ 22 ข้อ 23 และ ข้อ 24 แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทธ. 35/2556 เรื่อง มาตรฐานการประกอบธุรกิจ โครงสร้างการบริหารงาน ระบบงาน และการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ลงวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2556 สำนักงานออกข้อกำหนดไว้ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสามของข้อ 15 แห่งประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สธ. 14/2558 เรื่อง ข้อกำหนดในรายละเอียดเกี่ยวกับการป้องกันและจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ลงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

“ความในวรรคหนึ่งและวรรคสองมิให้ใช้บังคับกับการทำธุรกรรมเพื่อกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการได้มาเพิ่มเติมหรือจำหน่ายไปซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าลักษณะตามที่กำหนดในส่วนที่ 3”

ข้อ 2 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นส่วนที่ 3 หลักเกณฑ์เฉพาะสำหรับการทำธุรกรรมเพื่อกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ข้อ 15/1 ข้อ 15/2 ข้อ 15/3 และข้อ 15/4 ในหมวด 2 หลักเกณฑ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำธุรกรรมเพื่อลูกค้ากับผู้ประกอบธุรกิจหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง แห่งประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สธ. 14/2558 เรื่อง ข้อกำหนดในรายละเอียดเกี่ยวกับการป้องกันและจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ลงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

“ส่วนที่ 3

หลักเกณฑ์เฉพาะสำหรับการทำธุรกรรม

เพื่อกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กับบุคคลที่เกี่ยวข้อง

____________________________

ข้อ 15/1 ในส่วนนี้

“บุคคลที่เกี่ยวข้อง” หมายความว่า บุคคลดังต่อไปนี้

(1) บุคคลที่มีความสัมพันธ์หรือเชื่อมโยงกับบริษัทจัดการกองทุนรวมหรือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ตามภาคผนวกที่แนบท้ายประกาศนี้

(2) กลุ่มบุคคลเดียวกันของบุคคลตาม (1)

“กลุ่มบุคคลเดียวกัน” หมายความว่า บุคคลที่มีความสัมพันธ์ในลักษณะใดลักษณะหนึ่งหรือหลายลักษณะดังต่อไปนี้

(1) คู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

(2) นิติบุคคล และผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนของนิติบุคคลนั้นซึ่งถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในนิติบุคคลดังกล่าวไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมเกินกว่าร้อยละห้าสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดหรือความเป็นหุ้นส่วนทั้งหมด

(3) กองทุนส่วนบุคคลของบุคคลตาม (1) หรือ (2) ที่ไม่ใช่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

ข้อ 15/2 ความในส่วนนี้ให้ใช้บังคับกับการทำธุรกรรมเพื่อกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กับบุคคลที่เกี่ยวข้องที่เข้าลักษณะครบถ้วนดังต่อไปนี้

(1) ธุรกรรมดังกล่าวเป็นการได้มาเพิ่มเติมหรือจำหน่ายไปซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์

(2) เป็นธุรกรรมที่มีมูลค่าตั้งแต่หนึ่งร้อยล้านบาทขึ้นไป หรือตั้งแต่ร้อยละสามของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม แล้วแต่มูลค่าใดจะต่ำกว่า ทั้งนี้ การคำนวณมูลค่าธุรกรรมดังกล่าว ให้นับรวมมูลค่าธุรกรรมที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาหกเดือน ซึ่งเป็นธุรกรรมที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทำกับบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งมีความสัมพันธ์ในลักษณะของการเป็นกลุ่มบุคคลเดียวกันด้วย

ข้อ 15/3 บริษัทจัดการกองทุนรวมจะกระทำธุรกรรมตามข้อ 15/2 ได้ต่อเมื่อได้รับมติของผู้ถือหน่วยลงทุนอนุมัติการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าวแล้ว โดยมติดังกล่าวต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ในข้อ 15/4

ในกรณีที่การทำธุรกรรมตามวรรคหนึ่งเป็นธุรกรรมที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทำกับบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งมีลักษณะเฉพาะตามที่กำหนดในภาคผนวก นอกจากการดำเนินการตามวรรคหนึ่งแล้ว บริษัทจัดการกองทุนรวมต้องจัดให้ผู้ดูแลผลประโยชน์ตรวจสอบและรับรองเป็นลายลักษณ์อักษรว่าธุรกรรมดังกล่าวเป็นธุรกรรมในลักษณะที่เป็นธรรมเนียมทางค้าปกติเสมือนเป็นการทำธุรกรรมกับลูกค้าทั่วไปที่มิได้มีความเกี่ยวข้องกันเป็นพิเศษ (at arm’s length transactions)

ข้อ 15/4 ในการขอมติผู้ถือหน่วยลงทุนเพื่อขออนุมัติการเข้าทำธุรกรรมตามข้อ 15/3 ให้บริษัทจัดการกองทุนรวมดำเนินการตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

(1) ต้องกระทำโดยการส่งหนังสือขอมติไปยังผู้ถือหน่วยลงทุน หรือโดยการเรียกประชุมผู้ถือหน่วยลงทุน

(2) จัดให้มีข้อมูลในหนังสือขอมติหรือหนังสือนัดประชุม แล้วแต่กรณีเพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างเพียงพอ ทั้งนี้ ในกรณีที่เป็นการทำธุรกรรมตามข้อ 15/3 วรรคสอง ให้แนบเอกสารการตรวจสอบและรับรองของผู้ดูแลผลประโยชน์ไปกับหนังสือขอมติหรือหนังสือนัดประชุมด้วย

(3) ในกรณีที่เป็นการขอมติโดยการเรียกประชุมผู้ถือหน่วยลงทุน องค์ประชุมต้องประกอบด้วยผู้ถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่ายี่สิบห้าคนหรือไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ถือหน่วยลงทุนทั้งหมด โดยมีหน่วยลงทุนนับรวมกันไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนหน่วยลงทุนที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของกองทุนรวม

(4) มติของผู้ถือหน่วยลงทุนที่อนุมัติการเข้าทำธุรกรรมต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังนี้

(ก) กรณีที่ส่งหนังสือขอมติไปยังผู้ถือหน่วยลงทุน ต้องได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมดของผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีสิทธิออกเสียง

(ข) กรณีที่เรียกประชุมผู้ถือหน่วยลงทุน ต้องได้รับคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมดของผู้ถือหน่วยลงทุนที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง การนับคะแนนเสียงตามวรรคหนึ่ง (4) ต้องไม่นับจำนวนหน่วยลงทุนของ ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีส่วนได้เสียในการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าว”

ข้อ 3 ให้เพิ่มแผนภาพบุคคลที่เกี่ยวข้องตามข้อ 15/1 ที่แนบท้ายประกาศนี้เป็นภาคผนวกแนบท้ายประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สธ. 14/2558 เรื่อง ข้อกำหนดในรายละเอียดเกี่ยวกับการป้องกันและจัดการความขัดแย้ง ทางผลประโยชน์ ลงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

ข้อ 4 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558

(นายรพี สุจริตกุล)

เลขาธิการ

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ