ที่ สธ. 72/2558
เรื่อง ข้อกำหนดในรายละเอียดเกี่ยวกับการป้องกันและ
จัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์
(ฉบับที่ 3)
__________________
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 126 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และมาตรา 139(5) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2542 และข้อ 5(1) ประกอบกับข้อ 17 ข้อ 18 ข้อ 19 ข้อ 22(3) และข้อ 23 แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทธ. 35/2556 เรื่อง มาตรฐานการประกอบธุรกิจ โครงสร้างการบริหารงาน ระบบงานและการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ลงวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2556 สำนักงานออกข้อกำหนดไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ยกเลิกความในข้อ 5 แห่งประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สธ. 14/2558 เรื่อง ข้อกำหนดในรายละเอียดเกี่ยวกับการป้องกันและจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ลงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“ข้อ 5 ในการกำหนดนโยบายป้องกันและจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์ตามข้อ 17 แห่งประกาศมาตรฐานการประกอบธุรกิจ ผู้ประกอบธุรกิจต้องกำหนดนโยบายดังกล่าวให้ครอบคลุมในเรื่องการทำธุรกรรมเกินความจำเป็น (churning) ในลักษณะดังต่อไปนี้
(1) การไม่ชักชวนหรือกระตุ้นให้ลูกค้ามีการทำธุรกรรมบ่อยครั้งเกินความจำเป็น
(2) การไม่ทำธุรกรรมเพื่อลูกค้ากับคู่สัญญารายใดรายหนึ่งบ่อยครั้งเกินความจำเป็น”
ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ 7 แห่งประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สธ. 14/2558 เรื่อง ข้อกำหนดในรายละเอียดเกี่ยวกับการป้องกันและจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ลงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“ข้อ 7 บุคคลที่เกี่ยวข้องตามหมวดนี้ ให้หมายถึงบุคคลดังต่อไปนี้
(1) บุคคลที่มีความสัมพันธ์หรือเชื่อมโยงกับบริษัทจัดการหรือกองทุนตามภาคผนวกที่แนบท้ายประกาศนี้
(2) บุคคลที่บริษัทจัดการกำหนดว่าเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งสอดคล้องกับการกำหนดลักษณะความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่บริษัทจัดการมีหน้าที่กำหนดตามข้อ 18(1) แห่งประกาศมาตรฐานการประกอบธุรกิจ
(3) บุคคลที่อยู่ในวิสัยที่บริษัทจัดการจะทราบได้ว่าหากบริษัทจัดการเข้าทำธุรกรรมเพื่อกองทุนกับบุคคลดังกล่าว ผลประโยชน์ที่เกิดจากการทำธุรกรรมในท้ายที่สุดจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของบุคคลที่มีความสัมพันธ์หรือเชื่อมโยงกับบริษัทจัดการหรือกองทุนตามที่กำหนดใน (1) และ (2)”
ข้อ 3 ให้ยกเลิกความในข้อ 13 แห่งประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สธ. 14/2558 เรื่อง ข้อกำหนดในรายละเอียดเกี่ยวกับการป้องกันและจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ลงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“ข้อ 13 การตั้งผู้รับฝากทรัพย์สินที่เป็นบริษัทในเครือของบริษัทจัดการกองทุนส่วนบุคคล บริษัทจัดการกองทุนส่วนบุคคลจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากลูกค้าหรือคณะกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แล้วแต่กรณี ก่อนการทำธุรกรรม
บริษัทในเครือตามวรรคหนึ่ง ให้หมายความถึงบริษัทดังต่อไปนี้
(1) บริษัทที่ถือหุ้นในบริษัทจัดการเกินร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจัดการ
(2) บริษัทที่บริษัทจัดการถือหุ้นเกินร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทนั้น”
ข้อ 4 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (3) และ (4) ในวรรคสองของข้อ 17 แห่งประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สธ. 14/2558 เรื่อง ข้อกำหนดในรายละเอียดเกี่ยวกับการป้องกันและจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ลงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558
“(3) การลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก
(4) การลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งผู้ออกตราสารดังกล่าวเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้อง”
ข้อ 5 ให้ยกเลิกแผนภาพบุคคลที่มีความสัมพันธ์หรือเชื่อมโยงกับบริษัทจัดการหรือกองทุนที่แนบท้ายประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่ สธ. 14/2558 เรื่อง ข้อกำหนดในรายละเอียดเกี่ยวกับการป้องกันและจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ลงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558 และให้ใช้แผนภาพบุคคลที่มีความสัมพันธ์หรือเชื่อมโยงกับบริษัทจัดการหรือกองทุนที่แนบท้ายประกาศนี้แทน
ข้อ 6 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2558
(นายรพี สุจริตกุล)
เลขาธิการ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์