การผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการ ให้แก่บุคคลซึ่งซื้อหลักทรัพย์ของกิจการจากผู้ขาย ซึ่งเป็นสถาบันการเงิน ที่ อจ. 20/2543

ข่าวกฏหมายและประกาศ Monday October 9, 2000 08:43 —ประกาศ ก.ล.ต.

                              ประกาศ  เรื่อง  การผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการ
ให้แก่บุคคลซึ่งซื้อหลักทรัพย์ของกิจการจากผู้ขาย
ซึ่งเป็นสถาบันการเงิน
ที่ อจ. 20/2543
___________________________________
เนื่องจากปัจจุบันสถาบันการเงินหลายแห่งมีความจำเป็นต้องเข้าช่วยเหลือหรือฟื้นฟูกิจการ เพื่อแก้ไขฐานะการเงินและการดำเนินงานของกิจการดังกล่าว โดยการเข้าช่วยเหลือหรือฟื้นฟูกิจการในบางกรณีเป็นผลให้สถาบันการเงินได้มาซึ่งหลักทรัพย์ประเภทตราสารทุนของกิจการ แต่เนื่องจากบทบาทหลักของสถาบันการเงินคือการให้ความสนับสนุนทางการเงินแก่กิจการ มิได้มีวัตถุประสงค์หรือความชำนาญในการดำเนินงานหรือบริหารกิจการ สถาบันการเงินจึงประสงค์จะจำหน่ายหลักทรัพย์ที่ได้มาเนื่องจากการเข้าช่วยเหลือหรือฟื้นฟูกิจการให้แก่บุคคลที่ประสงค์จะลงทุนโดยตรงในกิจการนั้น โดยที่การจำหน่ายหลักทรัพย์ดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่น อาจเป็นผลให้บุคคลอื่นนั้นได้มาหรือเป็นผู้ถือหุ้นของกิจการจนถึงจุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ อย่างไรก็ดีในกรณีที่ผู้ถือหุ้นของกิจการได้รับทราบข้อมูลว่าจะมีบุคคลเข้าเป็นผู้ถือหุ้นอย่างมีนัยสำคัญของกิจการด้วยการซื้อหลักทรัพย์จากสถาบันการเงินที่เข้าช่วยเหลือหรือฟื้นฟูกิจการ และยินยอมให้บุคคลนั้นไม่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ กรณีนี้ย่อมจะพิจารณาได้ว่ามีเหตุจำเป็นและสมควรที่สำนักงานจะพิจารณาผ่อนผันหน้าที่ในการทำคำเสนอซื้อให้แก่บุคคลดังกล่าวได้ ตามนัยของข้อ 7(4) แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กก. 4/2538 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ ลงวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2538
สำนักงานจึงเห็นควรประกาศกำหนดแนวทางในการพิจารณาผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการโดยบุคคลที่ซื้อหรือได้มาซึ่งหลักทรัพย์ของกิจการจากสถาบันการเงินไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ในประกาศนี้
"ผ่อนผัน" หมายความว่า ผ่อนผันให้ได้หุ้นมาโดยไม่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ
"คำเสนอซื้อ" หมายความว่า คำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการเป็นการทั่วไปตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ
"หลักทรัพย์" หมายความว่า หุ้น ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น หรือหลักทรัพย์อื่นที่อาจแปลงสภาพแห่งสิทธิเป็นหุ้นได้
"ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น" หมายความว่า ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นที่ออกโดยกิจการเพื่อให้สิทธิซื้อหุ้นของกิจการนั้นเอง และให้หมายความรวมถึงใบแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้
"หลักทรัพย์อื่นที่อาจแปลงสภาพแห่งสิทธิเป็นหุ้นได้" หมายความว่า หุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกโดยกิจการเพื่อให้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นของกิจการนั้นเอง
"ใบแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้" หมายความว่า ตราสารที่บริษัทมหาชนจำกัดออกให้แก่ผู้ถือหุ้นตามส่วนจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละคนมีอยู่ เพื่อให้ผู้ถือหุ้นนั้นหรือบุคคลอื่นที่รับโอนตราสารดังกล่าวใช้เป็นหลักฐานในการใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทมหาชนจำกัดนั้น โดยสิทธิดังกล่าวเป็นสัดส่วนกับจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นนั้นแต่ละคนมีอยู่
"กิจการ" หมายความว่า บริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทที่มีหลักทรัพย์ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ หรือบริษัทมหาชนจำกัด
"สถาบันการเงิน" หมายความว่า (1) ธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์(2) บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ (3) บริษัทหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ แต่ไม่รวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนรวม หรือ (4) สถาบันการเงินอื่นที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น
"ผู้ถือหุ้นรายใหญ่" หมายความว่า ผู้ถือหุ้นในกิจการเกินกว่าร้อยละสิบของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ การถือหุ้นดังกล่าวให้นับรวมหุ้นที่ถือโดยผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย
"ผู้ที่เกี่ยวข้อง" หมายความว่า บุคคลหรือห้างหุ้นส่วนตามมาตรา 258(1) ถึง (7)
"ผู้บริหาร" หมายความว่า กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้ดำรงตำแหน่งระดับบริหารสี่รายแรกนับต่อจากผู้จัดการลงมา ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งเทียบเท่ากับผู้ดำรงตำแหน่งระดับบริหารรายที่สี่ทุกราย และให้หมายความรวมถึงผู้ดำรงตำแหน่งระดับบริหารในสายงานบัญชีหรือการเงินที่เป็นระดับผู้จัดการฝ่ายขึ้นไปหรือเทียบเท่า
"สำนักงาน" หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ข้อ 2 บุคคลใดประสงค์จะได้มาซึ่งหุ้นของกิจการใดในจำนวนที่จะเป็นผลให้ตนได้มาหรือเป็นผู้ถือหุ้นจนถึงจุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการตามข้อ 4 แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กก. 4/2538 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ ลงวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2538 หรือประสงค์จะได้มาซึ่งใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นหรือหลักทรัพย์อื่นที่อาจแปลงสภาพแห่งสิทธิเป็นหุ้นได้ ในจำนวนที่หากมีการใช้สิทธิซื้อหุ้นหรือแปลงสภาพแห่งสิทธิเป็นหุ้นจะเป็นผลให้ตนได้มาหรือเป็นผู้ถือหุ้นจนถึงจุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการตามข้อ 4 แห่งประกาศดังกล่าว บุคคลนั้นอาจได้รับการผ่อนผันจากสำนักงานได้ หากกรณีเป็นไปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
(1)เป็นการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2544 จากสถาบันการเงินซึ่งจำหน่ายหลักทรัพย์ที่ได้มาเนื่องจากการช่วยเหลือหรือฟื้นฟูกิจการที่มีปัญหาในลักษณะที่อาจเทียบเคียงได้กับกรณีตามข้อ 2 ของประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือหรือฟื้นฟูกิจการ ที่ อจ. 8/2541 ลงวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2541
(2) หลักทรัพย์ที่จะได้มาจากสถาบันการเงินตาม (1) ในกรณีที่เป็นหุ้นต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของกิจการ หรือในกรณีที่เป็นใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นหรือหลักทรัพย์อื่นที่อาจแปลงสภาพแห่งสิทธิเป็นหุ้นได้ จำนวนหุ้นที่จะได้มาหากมีการใช้สิทธิซื้อหุ้นหรือแปลงสภาพแห่งสิทธิเป็นหุ้นตามหลักทรัพย์แต่ละประเภทต้องไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบของผลรวมของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของกิจการกับจำนวนหุ้นที่ผู้ขอผ่อนผันจะได้มาหากมีการใช้สิทธิซื้อหุ้นหรือแปลงสภาพแห่งสิทธิเป็นหุ้น แล้วแต่กรณี
(3) ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของกิจการมีมติยินยอมให้ผู้ขอผ่อนผันเข้าเป็นผู้ถือหลักทรัพย์จำนวนดังกล่าวได้โดยไม่ต้องทำคำเสนอซื้อ โดย
(ก)ในกรณีที่จำนวนหลักทรัพย์ที่ผู้ขอผ่อนผันประสงค์จะได้มา จะเป็นผลให้บุคคลนั้นเป็นผู้ถือหุ้นหรือสามารถเป็นผู้ถือหุ้นไม่ถึงร้อยละห้าสิบขึ้นไปของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของกิจการ มติยินยอมต้องประกอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน
(ข) ในกรณีที่จำนวนหลักทรัพย์ที่ผู้ขอผ่อนผันประสงค์จะได้มา จะเป็นผลให้บุคคลนั้นเป็นผู้ถือหุ้นหรือสามารถเป็นผู้ถือหุ้นตั้งแต่ร้อยละห้าสิบขึ้นไปของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของกิจการ มติยินยอมต้องประกอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน และไม่มีผู้ถือหุ้นซึ่งถือหุ้นรวมกันตั้งแต่ร้อยละห้าของจำนวนหุ้นทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมคัดค้านการขอผ่อนผัน
(4) ในระหว่างระยะเวลานับตั้งแต่วันที่ที่ลงในหนังสือขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นจนถึงวันที่ได้รับการผ่อนผันจากสำนักงาน ผู้ขอผ่อนผันต้องไม่มีการซื้อหรือได้มาซึ่งหุ้นของกิจการเพิ่มขึ้นจากสัดส่วนหุ้นที่ได้แจ้งในหนังสือขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น เว้นแต่เป็นการได้มาทางมรดกหรือเป็นการได้มาโดยการใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามส่วนจำนวนหุ้นที่ตนมีอยู่ก่อนแล้ว
ทั้งนี้ ผู้ขอผ่อนผันตามวรรคหนึ่งต้องมิใช่บุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้บริหารของกิจการในระหว่างระยะเวลาหนึ่งปีย้อนหลังก่อนวันที่สถาบันการเงินได้เข้าช่วยเหลือหรือฟื้นฟูกิจการ ข้อ 3 บุคคลที่ประสงค์จะขอผ่อนผันตามประกาศนี้ต้องยื่นคำขอผ่อนผันต่อสำนักงานก่อนการได้มาซึ่งหลักทรัพย์จำนวนดังกล่าว พร้อมกับแนบหนังสือขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นและมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นหนังสือขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นต้องมีข้อมูลอย่างน้อยในเรื่องดังต่อไปนี้
(1) ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ขอผ่อนผัน ได้แก่ ชื่อ ที่อยู่ และอาชีพหรือธุรกิจหลัก และในกรณีที่ผู้ขอผ่อนผันเป็นนิติบุคคล ให้ระบุชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่สิบรายแรกของผู้ขอผ่อนผันด้วย
(2) แผนงานและนโยบายภายหลังการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ เช่น แผนการดำเนินธุรกิจโครงสร้างองค์กรและการจ้างบุคลากร แผนการจำหน่ายทรัพย์สินของกิจการหรือบริษัทย่อย แผนการปรับโครงสร้างทางการเงิน เป็นต้น
(3) จำนวนและสัดส่วนหุ้นที่จะได้มาเนื่องจากการขอผ่อนผันในครั้งนี้ สิทธิออกเสียงทั้งหมดที่ผู้ขอผ่อนผันพึงมีหากได้หลักทรัพย์มาและที่จะสามารถได้มาเพิ่มเติมในภายหลังโดยไม่เกิดหน้าที่ในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ(4) ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้ถือหุ้น(5) ระยะเวลาและราคาที่จะซื้อหรือได้มาซึ่งหลักทรัพย์ และบุคคลที่จะเป็นผู้ขายหลักทรัพย์ให้แก่ผู้ขอผ่อนผัน(6) จำนวนคะแนนเสียงที่จะถือเป็นมติยินยอมของผู้ถือหุ้น และจำนวนคะแนนเสียงที่จะมีผลเป็นการคัดค้านการขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ
ข้อ 4 ในกรณีที่ผู้ได้รับการผ่อนผันซื้อหรือได้มาซึ่งหุ้นของกิจการโดยทางอื่นภายหลังการซื้อหลักทรัพย์จากสถาบันการเงินตามที่ได้รับการผ่อนผันตามประกาศนี้ แต่ก่อนการใช้สิทธิซื้อหุ้นหรือแปลงสภาพแห่งสิทธิเป็นหุ้นตามหลักทรัพย์ที่ได้รับการผ่อนผันดังกล่าว โดยหุ้นที่ได้มาโดยทางอื่นนั้นไม่เป็นผลให้ผู้ได้รับการผ่อนผันเป็นผู้ถือหุ้นจนถึงจุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการตามข้อ 4 แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กก. 4/2538 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ ลงวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2538 ให้จำนวนหุ้นที่ผู้ขอผ่อนผันได้รับการผ่อนผันตามประกาศนี้ลดลงเหลือเพียงสัดส่วนที่เมื่อรวมกับหุ้นที่ได้มาโดยทางอื่นแล้วไม่เกินสัดส่วนที่ได้รับการผ่อนผัน
ข้อ 5 ให้การผ่อนผันตามประกาศนี้สิ้นสุดลงเมื่อ(1) ผู้ได้รับการผ่อนผันมิได้ซื้อหรือได้มาซึ่งหลักทรัพย์จากสถาบันการเงินตามที่ได้รับการผ่อนผันภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น หรือภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2544 แล้วแต่วันใดจะถึงก่อน(2) ผู้ได้รับการผ่อนผันซื้อหรือได้มาซึ่งหุ้นของกิจการโดยทางอื่น ก่อนการซื้อหลักทรัพย์จากสถาบันการเงินตามที่ได้รับการผ่อนผันตามประกาศนี้ เว้นแต่เป็นการได้มาซึ่งหุ้นจากการได้รับยกเว้นการทำคำเสนอซื้อตามข้อ 6(1)(2) หรือ (3) แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กก. 4/2538 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ ลงวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2538 (3) ผู้ได้รับการผ่อนผันซื้อหรือได้มาซึ่งหุ้นของกิจการโดยทางอื่น ภายหลังการซื้อหลักทรัพย์จากสถาบันการเงินตามที่ได้รับการผ่อนผันตามประกาศนี้ แต่ก่อนการใช้สิทธิซื้อหุ้นหรือแปลงสภาพแห่งสิทธิเป็นหุ้นตามหลักทรัพย์ที่ซื้อจากสถาบันการเงินดังกล่าว โดยหุ้นที่ได้มาโดยทางอื่นนั้นเป็นผลให้ผู้ได้รับการผ่อนผันเป็นผู้ถือหุ้นจนถึงจุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการตามข้อ 4 แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กก. 4/2538 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ ลงวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2538 (4) ผู้ได้รับการผ่อนผันเปลี่ยนแปลงแผนงานหรือนโยบายในการดำเนินธุรกิจของกิจการต่างจากที่ได้เสนอไว้ในหนังสือขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของกิจการในสาระสำคัญ ในระหว่างระยะเวลาหนึ่งปีนับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของกิจการมีมติตามข้อ 2(3) โดยไม่ได้รับมติเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของกิจการด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน
ข้อ 6 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1พฤศจิกายน 2543 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2543
(นายประสงค์ วินัยแพทย์)
รองเลขาธิการ
รักษาการแทนเลขาธิการ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
-ยก-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ