ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ที่ สน. 32/2543
เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการให้ความเห็นชอบ
ผู้จัดการกองทุนรวม
______________________
อาศัยอำนาจตามความในข้อ 40 วรรคสอง และข้อ 41 แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กน. 46/2541 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวม ลงวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2541 และมาตรา 109 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ประกอบกับข้อ 1 (3) แห่งประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. เรื่อง หลักเกณฑ์และกำหนดเวลาในการยื่นรายงานของบริษัทหลักทรัพย์ ลงวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ออกข้อกำหนดไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่ สน. 2/2542 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการให้ความเห็นชอบผู้จัดการกองทุนรวมและผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคล ลงวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2542
ข้อ 2 ในประกาศนี้
"ผู้จัดการกองทุนรวม" หมายความว่า กรรมการหรือพนักงานของบริษัทจัดการที่ได้รับมอบหมายจากบริษัทจัดการนั้นให้มีอำนาจตัดสินใจลงทุนใด ๆ ในหลักทรัพย์ ทรัพย์สินอื่น หรือหาดอกผลโดยวิธีอื่น เพื่อเป็นทรัพย์สินของกองทุนรวม
"กองทุนรวม" หมายความว่า กองทุนรวมประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุนและกองทุนรวมประเภทไม่รับซื้อคืนหน่วยลงทุน
"บริษัทจัดการ" หมายความว่า บริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนรวม
"ผู้บริหาร" หมายความว่า กรรมการ ผู้จัดการ และกรรมการบริหาร รวมทั้งรองผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการ ผู้อำนวยการฝ่าย และผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าที่เรียกชื่ออย่างอื่นโดยบุคคลดังกล่าวเป็นผู้รับผิดชอบงานในสายงานเกี่ยวกับการให้บริการด้านหลักทรัพย์ การปฏิบัติการด้านหลักทรัพย์ หรือการวิจัยด้านหลักทรัพย์หรือตลาดทุน หรือสายงานอื่นในทำนองเดียวกัน ทั้งนี้ ไม่ว่าสายงานนั้นจะปฏิบัติงานเพื่อให้บริการแก่บุคคลอื่นหรือเพื่อประโยชน์ของบริษัทเอง
"กรรมการบริหาร" หมายความว่า บุคคลที่คณะกรรมการบริษัทแต่งตั้งให้เป็นกรรมการบริหาร หรือมอบหมายให้มีอำนาจตัดสินใจในการดำเนินงานของบริษัทแทนคณะกรรมการบริษัท
"ผู้อำนวยการฝ่าย" หมายความว่า บุคคลที่รับผิดชอบในระดับส่วนงานภายในบริษัท
"บริษัท" หมายความว่า บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด และให้หมายความรวมถึงนิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจ
"สมาคม" หมายความว่า สมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตและจดทะเบียนกับสำนักงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทที่เกี่ยวกับการจัดการลงทุน และได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานเพื่อดำเนินการใด ๆ ตามประกาศนี้และประกาศที่เกี่ยวข้อง
"ผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคล" หมายความว่า กรรมการหรือพนักงานของบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากบริษัทหลักทรัพย์ดังกล่าวให้มีอำนาจตัดสินใจลงทุนเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นให้แก่ลูกค้า
"สถาบันการเงิน" หมายความว่า สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงิน
"สำนักงาน" หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ข้อ 3 ผู้ขอรับความเห็นชอบเป็นผู้จัดการกองทุนรวมต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
(1) เป็นพนักงานประจำที่สามารถทำงานให้แก่บริษัทจัดการได้เต็มเวลาหรือเป็นกรรมการของบริษัทจัดการ และไม่ได้ดำรงตำแหน่งอื่นในบริษัทจัดการนั้น เว้นแต่เป็นตำแหน่งในสายงานบังคับบัญชาโดยตรง (vertical line of command) หรือตำแหน่งที่ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับการจัดการกองทุนรวม
(2) มีอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์
(3) ผ่านการทดสอบความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับวิชาชีพตามที่สมาคมกำหนด
(4) ไม่เป็นพนักงานประจำหรือผู้บริหารที่มีอำนาจในการจัดการของบริษัทอื่นหรือไม่เป็นผู้จัดการการลงทุนให้แก่บุคคลอื่นในลักษณะที่คล้ายคลึงหรือแข่งขันกับการดำเนินการของบริษัทจัดการ เว้นแต่การเป็นพนักงานประจำ ผู้บริหาร หรือผู้จัดการการลงทุนนั้นไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับการจัดการกองทุนรวม
(5) ผ่านการทดสอบความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจรรยาบรรณและมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพที่จัดโดยสมาคม
ข้อ 4 ผู้ขอรับความเห็นชอบเป็นผู้จัดการกองทุนรวมต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้
(1) เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย
(2) เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริต
(3) เคยเป็นผู้บริหารของสถาบันการเงินที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต เว้นแต่ได้รับยกเว้นจากสำนักงาน
(4) เคยถูกถอดถอนจากการเป็นกรรมการ หรือผู้จัดการตามมาตรา 144 หรือมาตรา 145 หรือเคยถูกถอดถอนตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายอื่น
(5) เป็นบุคคลที่ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์
(6) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(7) เป็นบุคคลที่มีชื่ออยู่ในบัญชีดำตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
(8) อยู่ระหว่างถูกกล่าวโทษหรือถูกดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์กฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ กฎหมายว่าด้วยประกันชีวิต หรือกฎหมายที่เกี่ยวกับธุรกิจทางการเงินในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายไทยหรือกฎหมายต่างประเทศ โดยหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมายนั้น ทั้งนี้ ในความผิดเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์หรือการบริหารงานที่มีลักษณะเป็นการหลอกลวง ฉ้อฉล หรือทุจริต
(9) เคยต้องคำพิพากษาว่ากระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์กฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ กฎหมายว่าด้วยประกันชีวิต หรือกฎหมายที่เกี่ยวกับธุรกิจทางการเงินในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายไทยหรือกฎหมายต่างประเทศ ทั้งนี้ ในความผิดเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ หรือการบริหารงานที่มีลักษณะเป็นการหลอกลวง ฉ้อฉล หรือทุจริต
(10) เคยถูกเปรียบเทียบปรับในความผิดตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในส่วนที่ว่าด้วยการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ หรือกฎหมายต่างประเทศในทำนองเดียวกัน
(11) เคยถูกสั่งเพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นผู้จัดการกองทุนรวมหรือผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคล เว้นแต่เหตุแห่งการเพิกถอนนั้นเนื่องจากการไม่เข้าอบรมความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจรรยาบรรณและมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพที่จัดโดยสมาคม
(12) เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากงาน อันเนื่องจากการกระทำโดยทุจริต
(13) เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารที่มีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายหรือต้องร่วมรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อสถาบันการเงินที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต หรือถูกควบคุมกิจการ หรือถูกระงับการดำเนินกิจการเนื่องจากแผนแก้ไขฟื้นฟูฐานะหรือการดำเนินงานไม่ผ่านความเห็นชอบของหน่วยงานที่กำกับดูแลสถาบันการเงินนั้นหรือของคณะกรรมการองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน หรือถูกสั่งการให้แก้ไขฐานะทางการเงินที่เสียหายด้วยการลดทุนและมีการเพิ่มทุนในภายหลังโดยได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานหรือสถาบันการเงินของรัฐ
(14) มีการทำงานอันส่อไปในทางไม่สุจริต
(15) จงใจอำพรางการลงทุน ฐานะทางการเงิน หรือผลการดำเนินงานที่แท้จริงของกองทุนรวมหรือกองทุนส่วนบุคคลที่บริษัทจัดการเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ หรือจงใจแสดงข้อความอันเป็นเท็จในสาระสำคัญหรือปกปิดข้อความจริงอันเป็นสาระสำคัญที่ควรแจ้งในการขอรับความเห็นชอบเป็นผู้จัดการกองทุนรวม
(16) จงใจละเลยการดำเนินการตามคำสั่งของสำนักงานหรือคณะกรรมการ ก.ล.ต.ตามมาตรา 141 มาตรา 142 หรือมาตรา 143 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
(17) มีการทำงานที่แสดงถึงการขาดจรรยาบรรณหรือขาดมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพที่สมาคมกำหนดโดยได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน
(18) มีการบริหารงานที่แสดงถึงการละเลยการทำหน้าที่ตามสมควรในการตรวจสอบดูแลมิให้บุคคลที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาฝ่าฝืนหรือปฏิบัติไม่ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือขาดจรรยาบรรณหรือขาดมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพที่สมาคมกำหนดโดยได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน อันอาจก่อให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในธุรกิจจัดการลงทุนโดยรวม หรือความเสียหายต่อชื่อเสียง ฐานะ หรือการดำเนินธุรกิจ หรือต่อลูกค้าของธุรกิจนั้น
ข้อ 5 ในการขอรับความเห็นชอบผู้จัดการกองทุนรวม ให้บริษัทจัดการยื่นคำขอต่อสำนักงานตามแบบ 117-6 พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานประกอบคำขอท้ายประกาศนี้
ในกรณีที่สำนักงานได้ให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งบริษัทจัดการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการกองทุนรวมแล้ว ต่อมาหากปรากฏว่าข้อมูลที่ได้ระบุในแบบ 117-6 เปลี่ยนแปลงไป ให้บริษัทจัดการจัดทำและส่งรายงานการเปลี่ยนแปลงข้อมูลดังกล่าวให้สำนักงานทราบภายในสิบสี่วันนับตั้งแต่วันถัดจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลดังกล่าวตามแบบ 117-7 ท้ายประกาศนี้
ข้อ 6 ให้บริษัทจัดการจัดทำและส่งเอกสารเกี่ยวกับผู้จัดการกองทุนรวมดังต่อไปนี้ให้สำนักงาน
(1) รายงานวันเริ่มหรือหยุดการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้จัดการกองทุนรวมของแต่ละกองทุนรวมภายในสิบสี่วันนับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ผู้จัดการกองทุนรวมนั้นเริ่มหรือหยุดการปฏิบัติหน้าที่ตามแบบ 117-8 ท้ายประกาศนี้
(2) รายชื่อผู้จัดการกองทุนรวมของแต่ละกองทุนรวม ณ วันสิ้นปีปฏิทินภายในสิบสี่วันนับตั้งแต่วันถัดจากวันสิ้นปีปฏิทินนั้นตามแบบ 117-10 ท้ายประกาศนี้
ข้อ 7 ให้ผู้ได้รับความเห็นชอบเป็นผู้จัดการกองทุนรวมเข้ารับการอบรมความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจรรยาบรรณและมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพที่จัดโดยสมาคม อย่างน้อยหนึ่งครั้งภายในทุกช่วงสองปี เว้นแต่ในการเข้ารับการอบรมครั้งแรกภายหลังจากการได้รับความเห็นชอบ สำนักงานอาจกำหนดช่วงระยะเวลาที่ต้องเข้ารับการอบรมให้เป็นช่วงเวลามากกว่าสองปีได้บุคคลที่เคยได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานให้เป็นผู้จัดการกองทุนรวม แต่ต่อมามิได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้จัดการกองทุนรวมของบริษัทจัดการใดแล้ว บุคคลนั้นอาจเข้ารับการอบรมความรู้ รวมทั้งจรรยาบรรณและมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพจากสมาคมตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่ง เพื่อรักษาสถานภาพการได้รับความเห็นชอบเป็นผู้จัดการกองทุนรวมได้
ข้อ 8 ในกรณีที่ปรากฏในภายหลังว่าผู้ได้รับความเห็นชอบเป็นผู้จัดการกองทุนรวมรายใดมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ สำนักงานมีอำนาจสั่งให้ผู้จัดการกองทุนรวมรายนั้นแก้ไขคุณสมบัติภายในระยะเวลาที่สำนักงานกำหนด หรือสั่งเพิกถอนการให้ความเห็นชอบที่ได้ให้ไว้แล้วได้ (1) ขาดคุณสมบัติข้อ 3(1) หรือ (4)
(2) มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 4
(3) ไม่เข้ารับการอบรมตามข้อ 7
ข้อ 9 ในการจัดการกองทุนรวม ผู้จัดการกองทุนรวมต้อง
(1) ปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวกับการจัดการกองทุนรวม
(2) ปฏิบัติหน้าที่โดยยึดมั่นในจรรยาบรรณและมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพที่สมาคมกำหนดโดยได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน
(3) ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของ กองทุนรวม โดยใช้ความรู้ความสามารถเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพ
ข้อ 10 บุคคลใดได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานให้เป็นทั้งผู้จัดการกองทุนรวมและผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคล บุคคลดังกล่าวสามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้จัดการกองทุนรวมและผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคลในบริษัทจัดการเดียวกันได้ในกรณีที่บริษัทจัดการนั้นได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคลด้วย แต่บุคคลนั้นจะปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้จัดการกองทุนรวมในบริษัทจัดการอื่นหรือเป็นผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคลในบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคลอื่นในขณะเดียวกันไม่ได้ เว้นแต่ได้รับการผ่อนผันจากสำนักงาน
ข้อ 11 ในกรณีที่ผู้จัดการกองทุนรวมฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ประกาศ หรือจรรยาบรรณในการประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกองทุนรวม สำนักงานมีอำนาจดำเนินการดังต่อไปนี้
(1) ตักเตือน
(2) สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้จัดการกองทุนรวมเป็นระยะเวลาตามที่สำนักงานเห็นสมควร
(3) เพิกถอนการให้ความเห็นชอบ
ข้อ 12 ในกรณีที่ปรากฏว่าบุคคลที่ขอรับความเห็นชอบเป็นผู้จัดการกองทุนรวมมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 4(9) (10) (11) (12) (13) (14) (15) (16) (17) หรือ (18) สำนักงานอาจกำหนดระยะเวลาหรือเงื่อนไขในการพิจารณาการขอรับความเห็นชอบบุคคลดังกล่าวเป็นผู้จัดการกองทุนรวมของบริษัทจัดการ โดยคำนึงถึงความร้ายแรงของพฤติกรรมของบุคคลนั้นเป็นรายกรณี ทั้งนี้ ระยะเวลาที่กำหนดดังกล่าวจะไม่เกินห้าปีนับตั้งแต่วันถัดจากวันที่บุคคลนั้นพ้นโทษตามคำพิพากษา หรือนับตั้งแต่วันถัดจากวันที่คณะกรรมการเปรียบเทียบมีคำสั่งเปรียบเทียบบุคคลนั้น หรือนับตั้งแต่วันถัดจากวันที่มีคำวินิจฉัยของหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลหรือพิจารณาพฤติกรรมดังกล่าว
ปัจจัยที่อาจนำมาใช้ในการพิจารณาความร้ายแรงของพฤติกรรมตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยกำหนดปัจจัยในการพิจารณาความร้ายแรงของพฤติกรรมอันเป็นลักษณะต้องห้ามสำหรับบุคคลที่ขอรับหรือ ได้รับความเห็นชอบเป็นผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคลโดยอนุโลม
ให้นำความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมกับบุคคลที่ได้รับความเห็นชอบเป็นผู้จัดการกองทุนรวมของบริษัทจัดการ และปรากฏลักษณะต้องห้ามตามข้อ 4(9) (10) (11) (12) (13) (14) (15) (16) (17) หรือ (18) ในภายหลัง
ข้อ 13 เมื่อข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติกรรมของบุคคลใดเข้าข่ายที่กำหนดในข้อ 4(9) (10) (11) (12) (13) (14) (15) (16) (17) หรือ (18) และความร้ายแรงของพฤติกรรมของบุคคลนั้นเมื่อได้พิจารณาตามปัจจัยที่กำหนดในประกาศสำนักงานตามข้อ 12 แล้ว อยู่ในกลุ่มของพฤติกรรมที่กำหนดระยะเวลาในการพิจารณาการขอรับความเห็นชอบเป็นผู้จัดการกองทุนรวมตามข้อ 12 สูงสุดไม่เกินหนึ่งปี สำนักงานอาจพิจารณาให้ถือว่าพฤติกรรมของบุคคลดังกล่าวมิได้เป็นลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในข้อ 4 หากไม่มีเหตุอันควรเชื่อว่าการที่บุคคลนั้นได้รับความเห็นชอบเป็นผู้จัดการกองทุนรวมจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประโยชน์ของกองทุนรวม หรือจะทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมขาดความเชื่อมั่นต่อภาคธุรกิจจัดการลงทุน
ข้อ 14 ในกรณีที่ปรากฏว่าสำนักงานไม่ให้ความเห็นชอบบุคคลใดเป็นผู้จัดการกองทุนรวมอันเนื่องจากบุคคลนั้นมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 4(9) (10) (11) (12) (13) (14) (15) (16) (17) หรือ (18) เมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดตามข้อ 12 หรือกรณีเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดตามข้อ 12 แล้ว สำนักงานจะไม่นำพฤติกรรมอันเป็นลักษณะต้องห้ามตามข้อ 4(9) (10) (11) (12) (13) (14) (15) (16) (17) หรือ (18) ซึ่งเป็นเหตุในการไม่ให้ความเห็นชอบบุคคลดังกล่าวเป็นผู้จัดการกองทุนรวมในครั้งก่อนมาเป็นเหตุในการไม่ให้ความเห็นชอบในครั้งหลังอีก
ข้อ 15 ในกรณีที่บริษัทจัดการใดมีผู้จัดการกองทุนรวมที่มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 4ให้บริษัทจัดการนั้นรายงานข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรต่อสำนักงานภายในเจ็ดวันนับตั้งแต่วันถัดจากวันที่รู้หรือมีเหตุอันควรรู้ถึงลักษณะต้องห้ามของผู้จัดการกองทุนรวมรายนั้น
ข้อ 16 ให้ถือว่าผู้ที่ได้รับความเห็นชอบเป็นผู้จัดการกองทุนรวมและผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคลตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการให้ความเห็นชอบผู้จัดการกองทุนรวมและผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคล อยู่แล้วในวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ เป็นผู้จัดการกองทุนรวมที่ได้รับความเห็นชอบตามประกาศนี้ และให้ผู้จัดการกองทุนรวมดังกล่าวเข้ารับการอบรมความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจรรยาบรรณและมาตรฐานในการ ประกอบวิชาชีพที่จัดโดยสมาคม ตามระยะเวลาการเข้ารับการอบรมครั้งแรกที่สำนักงานกำหนดในการให้ความเห็นชอบเป็นผู้จัดการกองทุนรวมดังกล่าว
ข้อ 17 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2543
(นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล)
เลขาธิการ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
-ยก-