ข้อกำหนดพิเศษเกี่ยวกับการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤติการเงินในต่างประเทศ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 14, 2008 09:47 —ประกาศ ก.ล.ต.

ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน

ที่ ทจ. 27/2551

เรื่อง ข้อกำหนดพิเศษเกี่ยวกับการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ

เพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤติการเงินในต่างประเทศ

____________________

เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบจากวิกฤติการเงินที่เกิดขึ้นในต่างประเทศซึ่งส่งผลต่อภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศ การที่กิจการทำการซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นหรือการที่ผู้ลงทุนมีการซื้อหลักทรัพย์ของกิจการมากขึ้นในช่วงเวลาตามที่ประกาศนี้กำหนด จะเป็นมาตรการประการหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าว จึงเป็นการสมควรที่จะให้มีการผ่อนคลายหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการในบางประการเป็นการชั่วคราว โดยกำหนดให้หลักเกณฑ์ตามประกาศนี้เป็นเพียงทางเลือกที่บุคคลที่มีหน้าที่ตามประกาศว่าด้วย การเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการจะถือปฏิบัติตามประกาศฉบับนี้ได้อีกทางหนึ่ง

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 16/6 และมาตรา 247 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 41 มาตรา 43 มาตรา 44 และมาตรา 64 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย คณะกรรมการ ก.ล.ต. ทำหน้าที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนตามมาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 ออกข้อกำหนดไว้ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป

ข้อ 2 ภายในระยะเวลาสามเดือนนับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ หากบุคคลใดมีการได้หุ้นของกิจการภายหลังการซื้อหุ้นคืนของกิจการ หรือบุคคลใดประสงค์จะขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนของกิจการโดยได้รับยกเว้นไม่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการในภายหลัง ให้บุคคลนั้นปฏิบัติตามข้อกำหนดเฉพาะตามประกาศนี้ได้ ทั้งนี้ ข้อกำหนดในเรื่องใดมิได้กำหนดไว้เป็นการเฉพาะในประกาศนี้ ให้ปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ ลงวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545 อยู่เช่นเดิม

ข้อ 3 ในประกาศนี้

(1) “กิจการ” หมายความว่า บริษัทที่มีหุ้นเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

(2) “ประกาศว่าด้วยการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ” หมายความว่า ประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ ลงวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545

(3) “หลักทรัพย์แปลงสภาพ” หมายความว่า ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น ใบแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ หุ้นกู้แปลงสภาพ หรือหลักทรัพย์อื่นที่อาจแปลงสภาพแห่งสิทธิเป็นหุ้นได้ ที่กิจการเป็นผู้ออก เพื่อให้สิทธิซื้อหรือแปลงสภาพเป็นหุ้นของกิจการนั้นเอง

ข้อ 4 ในกรณีที่กิจการมีการซื้อหุ้นคืนและเป็นผลให้บุคคลใดมีสิทธิออกเสียงทั้งหมดในกิจการเพิ่มขึ้นจนถึงหรือข้ามจุดที่มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการตามประกาศว่าด้วยการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ หากต่อมาในระหว่างระยะเวลาตามข้อ 2 บุคคลดังกล่าวได้หุ้นของกิจการเพิ่มขึ้นอีกในจำนวนที่เมื่อคำนวณจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบุคคลนั้นก่อนกิจการมีการซื้อหุ้นคืนแล้วไม่เป็นผลให้ถึงจุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการข้างต้น ให้บุคคลนั้นไม่มีหน้าที่ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ

ข้อ 5 ในกรณีที่กิจการมีการซื้อหุ้นคืนและเป็นผลให้บุคคลใดมีสิทธิออกเสียงทั้งหมดในกิจการเพิ่มขึ้นจนถึงหรือข้ามจุดที่มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการตามประกาศว่าด้วยการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ หากต่อมาในระหว่างระยะเวลาตามข้อ 2 บุคคลดังกล่าวได้หุ้นของกิจการเพิ่มขึ้นอีกในจำนวนที่เมื่อคำนวณจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบุคคลนั้นก่อนกิจการซื้อหุ้นคืนแล้วเป็นผลให้ถึงหรือข้ามจุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ บุคคลนั้นต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ

ข้อ 6 ในกรณีที่กิจการมีการซื้อหุ้นคืนและเป็นผลให้บุคคลใดมีสิทธิออกเสียงทั้งหมดในกิจการเพิ่มขึ้นจนถึงหรือข้ามร้อยละยี่สิบห้าของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ตามประกาศว่าด้วยการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ หากบุคคลดังกล่าวประสงค์จะได้หุ้นของกิจการเพิ่มขึ้นอีกในระหว่างระยะเวลาตามข้อ 2 ในจำนวนที่เมื่อคำนวณสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบุคคลนั้นก่อนมีการซื้อหุ้นคืนแล้วเป็นผลให้จะถึงหรือข้ามจุดร้อยละยี่สิบห้าของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ บุคคลดังกล่าวอาจยื่นคำขอผ่อนผันต่อสำนักงานในการทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนของกิจการโดยได้รับยกเว้นไม่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการในภายหลัง

ข้อ 7 การขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนของกิจการโดยได้รับยกเว้นไม่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการในภายหลัง จะได้รับอนุมัติจากสำนักงานต่อเมื่อผู้ยื่นคำขอสามารถแสดงและรับรองต่อสำนักงานว่า

(1) เมื่อรวมจำนวนหุ้นดังต่อไปนี้ทั้งหมดแล้วจะไม่เป็นผลให้ผู้ขอผ่อนผันเป็นผู้ถือหุ้นหรือสามารถเป็นผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงตั้งแต่ร้อยละห้าสิบขึ้นไปของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

(ก) หุ้นทุกประเภทที่ผู้ขอผ่อนผันและบุคคลตามมาตรา 258 ของผู้ขอผ่อนผันถืออยู่เดิมก่อนการขอผ่อนผัน

(ข) หุ้นที่จะได้จากการใช้สิทธิซื้อหรือแปลงสภาพตามหลักทรัพย์แปลงสภาพที่ผู้ขอผ่อนผันและบุคคลตามมาตรา 258 ของผู้ขอผ่อนผันถืออยู่เดิมก่อนการผ่อนผัน

(ค) หุ้นที่ผู้ขอผ่อนผันประสงค์จะได้มาโดยการทำคำเสนอซื้อบางส่วน

(2) ได้รับความยินยอมจากผู้ถือหุ้นของกิจการให้ผู้ขอผ่อนผันทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนของกิจการได้ด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งดังต่อไปนี้

(ก) ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของกิจการมีมติยินยอมด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน

(ข) ผู้ถือหุ้นของกิจการมีหนังสือให้ความให้ยินยอมด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสิทธิออกเสียงของผู้ถือหุ้นทั้งหมดที่ส่งหนังสือตอบกลับการขอความยินยอมดังกล่าว โดยผู้ถือหุ้นทั้งหมดที่ส่งหนังสือตอบกลับจะต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่ายี่สิบห้าคน หรือไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมดและต้องมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด

ในการนับคะแนนเสียงที่ให้ความยินยอม มิให้นับรวมคะแนนเสียงของบุคคลตามมาตรา 258 ของผู้ขอผ่อนผัน และเพื่อประโยชน์ในการนี้ มิให้นับคะแนนเสียงของบุคคลดังกล่าวรวมอยู่ในจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมหรือผู้ถือหุ้นทั้งหมดที่ส่งหนังสือตอบกลับ แล้วแต่กรณี

(3) มีหนังสือรับรองโดยผู้สอบบัญชีหรือที่ปรึกษาทางการเงินที่อยู่ในบัญชีรายชื่อที่สำนักงานให้ความเห็นชอบ ซึ่งรับรองว่าได้ตรวจสอบหนังสือให้ความยินยอมว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดใน (2)

(4) หนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นหรือหนังสือขอความยินยอมจากผู้ถือหุ้นต้องมีข้อมูลและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในข้อ 8

ข้อ 8 หนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นหรือหนังสือขอความยินยอมจากผู้ถือหุ้นตามข้อ 7 ต้องระบุข้อมูลดังต่อไปนี้ไว้อย่างชัดแจ้ง และจะต้องจัดส่งให้แก่ผู้ถือหุ้นล่วงหน้าอย่างน้อยสิบสี่วันก่อนวันประชุมผู้ถือหุ้นหรือวันครบกำหนดการให้ความยินยอมเป็นหนังสือ

(1) รายละเอียดเกี่ยวกับผู้ที่ประสงค์จะได้หุ้นมา รวมทั้งจำนวนหุ้นและสิทธิออกเสียงของบุคคลดังกล่าวและบุคคลตามมาตรา 258 ของบุคคลดังกล่าว ทั้งก่อนและหลังการทำคำเสนอซื้อบางส่วน

(2) รายละเอียดและจำนวนของหุ้นที่ประสงค์จะซื้อ ทั้งนี้ จำนวนหุ้นที่จะระบุดังกล่าวไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับจำนวนขั้นต่ำที่ประสงค์จะซื้อ

(3) วัตถุประสงค์ของการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในกิจการ และผลกระทบต่อกิจการและผู้ถือหุ้นจากการดำเนินการดังกล่าว

(4) วันครบกำหนดให้ความยินยอมเป็นหนังสือ โดยต้องระบุวันให้ชัดเจนว่าวันใดเป็นวันที่ปิดรับการแสดงเจตนาตามหนังสือขอความยินยอม

ข้อ 9 ผู้ที่ได้รับการผ่อนผันให้ทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนตามข้อ 7 จะต้องซื้อหุ้นตามจำนวนที่ระบุในหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นหรือหนังสือขอความยินยอมจากผู้ถือหุ้นตามข้อ 8 ในกรณีที่ผู้ได้รับการผ่อนผันมิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ใน วรรคหนึ่ง ให้การผ่อนผันเป็นอันสิ้นสุดไป

ประกาศ ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

(นายวิจิตร สุพินิจ)

ประธานกรรมการ

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ