ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน
ที่ ทจ. 35/2551
เรื่อง การแต่งตั้งและอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการ
วินิจฉัยการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ
___________________
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 16/6 และมาตรา 16/7 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 41 มาตรา 43 มาตรา 44 และมาตรา 64 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย คณะกรรมการ ก.ล.ต. ทำหน้าที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนตามมาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 ออกข้อกำหนดไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้มีคณะอนุกรรมการวินิจฉัยการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการคณะหนึ่ง ประกอบด้วยอนุกรรมการจำนวนห้าคนซึ่งเลขาธิการเลือกจากรายชื่ออนุกรรมการที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนให้ความเห็นชอบ เพื่อทำหน้าที่พิจารณาเรื่องหนึ่งเรื่องใดเป็นรายกรณี ทั้งนี้ ในการเลือกนั้นให้คำนึงถึงความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของอนุกรรมการที่ประกอบกันเป็นองค์คณะให้เหมาะสมกับเรื่องที่จะพิจารณา และให้การเลือกเป็นดังนี้
(1) หนึ่งคนจากรายชื่ออนุกรรมการในกลุ่มที่ 1 เป็นประธานอนุกรรมการ (2) สามคนจากรายชื่ออนุกรรมการในกลุ่มที่ 2 และ/หรือกลุ่มที่ 3 เป็นอนุกรรมการ (3) หนึ่งคนจากรายชื่ออนุกรรมการในกลุ่มที่ 4 เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ
ให้เลขาธิการประกาศหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการคัดเลือกตามวรรคหนึ่งให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบได้
ข้อ 2 อนุกรรมการที่จะเป็นองค์คณะในการพิจารณาเรื่องใดต้องไม่มีส่วนได้เสียพิเศษในเรื่องที่พิจารณานั้น ในกรณีที่มีข้อเท็จจริงปรากฏในภายหลังที่แสดงว่าอนุกรรมการคนใดคนหนึ่งอาจมีส่วนได้เสียเป็นพิเศษ ให้เลขาธิการแจ้งให้อนุกรรมการคนดังกล่าวหรือองค์คณะพิจารณาทราบ แล้วแต่กรณี ในการนี้ ให้เลขาธิการเลือกอนุกรรมการคนใหม่เพื่อทำหน้าที่แทนอนุกรรมการคนดังกล่าว ทั้งนี้ การดำเนินการของคณะอนุกรรมการที่ได้กระทำไปแล้วให้มีผลสมบูรณ์ แม้ภายหลังจะมีการเปลี่ยนแปลงอนุกรรมการเนื่องจากเหตุดังกล่าว
บุคคลที่จะได้รับผลโดยตรงในเรื่องที่พิจารณาของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ อาจยื่นคำคัดค้านอนุกรรมการคนหนึ่งคนใดเนื่องจากการมีส่วนได้เสียพิเศษในเรื่องที่พิจารณาได้ แต่คำคัดค้านต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้คัดค้าน โดยแสดงรายละเอียดและเอกสารหลักฐานประกอบคำคัดค้าน และยื่นต่อเลขาธิการภายในสามวันทำการนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักงานให้พิจารณาการมีส่วนได้เสียนั้น
ข้อ 3 ให้คณะอนุกรรมการวินิจฉัยการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ มีอำนาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้
(1) พิจารณาสั่งการเกี่ยวกับการขอผ่อนผันหน้าที่ในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ สั่งการเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ หรือสั่งการอื่นใดตามประกาศเกี่ยวกับการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการที่กำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ ของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ
(2) พิจารณาสั่งการเกี่ยวกับการกระทำการหรืองดเว้นกระทำการใดในประการที่น่าจะมีผลกระทบต่อการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศที่ออกตามความในมาตรา 250/1
(3) เสนอความเห็นหรือให้คำแนะนำต่อคณะกรรมการกำกับตลาดทุนและสำนักงานในเรื่องที่เกี่ยวกับการกระทำการร่วมกับบุคคลอื่นตามมาตรา 246 หรือมาตรา 247 และเรื่องอื่นใดที่เกี่ยวกับการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ
(4) ขอให้บุคคลใด ๆ มาให้ข้อเท็จจริง คำอธิบาย คำแนะนำ และความเห็น หรือส่งเอกสารเพื่อประกอบการพิจารณาตามความจำเป็น
ข้อ 4 ให้บรรดาประกาศสำนักงานที่ออกโดยอาศัยอำนาจหรือเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กจ.54/2545 เรื่อง การแต่งตั้งและอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ ลงวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545 ซึ่งใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ยังคงใช้บังคับภายใต้ประกาศนี้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับประกาศนี้จนกว่าจะมีประกาศสำนักงานที่ออกตามประกาศนี้ออกใช้บังคับ
ข้อ 5 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2551
(นายวิจิตร สุพินิจ)
ประธานกรรมการ
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
กิจการ และอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการดังกล่าว จึงจำเป็นต้องออกประกาศนี้