กำหนดลักษณะความสัมพันธ์หรือพฤติกรรมที่เข้าลักษณะเป็นการกระทำร่วมกับบุคคลอื่น และการปฏิบัติการตามมาตรา 246 และมาตรา 247

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 20, 2009 10:21 —ประกาศ ก.ล.ต.

ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน

ที่ ทจ. 7/2552

เรื่อง กำหนดลักษณะความสัมพันธ์หรือพฤติกรรมที่เข้าลักษณะเป็น

การกระทำร่วมกับบุคคลอื่น และการปฏิบัติการ

ตามมาตรา 246 และมาตรา 247

_________________________

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 16/6 มาตรา 246 และมาตรา 247 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับ การจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 41 มาตรา 43 มาตรา 44 และมาตรา 64 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย คณะกรรมการ ก.ล.ต. ทำหน้าที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนตามมาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 ออกข้อกำหนดไว้ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ในประกาศนี้

“บริษัท” หมายความว่า บริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด

“ห้างหุ้นส่วน” หมายความว่า ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด

ข้อ 2 บุคคลใดมีเจตนาร่วมกันใช้สิทธิออกเสียงของตนและบุคคลอื่นไปในทางเดียวกัน หรือให้บุคคลอื่นใช้สิทธิออกเสียงของตน เพื่อควบคุมสิทธิออกเสียงหรือควบคุมกิจการร่วมกัน และบุคคลดังกล่าวมีความสัมพันธ์หรือมีพฤติกรรมร่วมกับบุคคลอื่นในลักษณะดังต่อไปนี้ บุคคลนั้นมีลักษณะ เป็นบุคคลที่กระทำการร่วมกับบุคคลอื่นอันเป็นผลให้บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่รายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 246 หรือมีหน้าที่ในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 247

(1) การมีข้อตกลงเกี่ยวกับการใช้สิทธิออกเสียงที่คู่สัญญามีอยู่ไปในทางเดียวกันหรือให้คู่สัญญาฝ่ายใดเป็นผู้ใช้สิทธิออกเสียงของคู่สัญญาฝ่ายอื่น หรือมีข้อตกลงในการบริหารกิจการร่วมกัน ไม่ว่าข้อตกลงดังกล่าวจะเกี่ยวกับการใช้สิทธิออกเสียงในการประชุมคณะกรรมการของกิจการหรือ ในการประชุมผู้ถือหุ้นของกิจการ หรือเกี่ยวกับการเห็นชอบร่วมกันในการเสนอวาระสำคัญต่อคณะกรรมการของกิจการหรือที่ประชุมผู้ถือหุ้นของกิจการ และไม่ว่าข้อตกลงนั้นจะได้กระทำเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่

(2) การมีข้อตกลงเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิในการขายหลักทรัพย์ในกรณีที่มีผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการ หรือมีข้อตกลงเกี่ยวกับการรักษาหรือเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือครองหลักทรัพย์ของกิจการ (standstill agreement) ไม่ว่าข้อตกลงนั้นจะได้กระทำเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่

(3) การชักชวนบุคคลอื่นไม่ว่าโดยตนเองหรือโดยบุคคลอื่นที่ตนมอบหมาย เพื่อให้ได้มา หรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการในเวลาเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน

(4) การมีแหล่งเงินทุนร่วมกัน หรือกระทำการด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือในการได้มาซึ่งแหล่งเงินทุน เพื่อนำแหล่งเงินทุนนั้นมาใช้ในการซื้อหรือกระทำการอื่นใดอันเป็นผลให้ตนหรือบุคคลอื่นได้มาซึ่งหลักทรัพย์ของกิจการ

(5) การได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการโดยร่วมกับบุคคลที่เคยมีพฤติกรรมร่วมกันในการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการอื่น และการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการในครั้งนี้มีรูปแบบคล้ายคลึงกับการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ที่เคยมีพฤติกรรมร่วมกัน

(6) การให้บุคคลอื่นใช้สิทธิออกเสียงของตนเป็นปกติและอย่างต่อเนื่องในการประชุมผู้ถือหุ้นของกิจการ ไม่ว่าบุคคลอื่นนั้นจะเป็นผู้ถือหุ้นของกิจการหรือไม่ แต่ไม่รวมถึงการมอบฉันทะให้แก่กรรมการอิสระ ผู้รับฝากหลักทรัพย์ (custodian) หรือผู้ประกอบธุรกิจให้บริการรับมอบฉันทะ (proxy voting service) ในการเข้าประชุมและใช้สิทธิออกเสียงแทนตน

(7) การเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วน หรือการเป็นกรรมการหรือพนักงานของบริษัทหรือนิติบุคคลอื่นใด โดยมีการแสดงตนหรือมีพฤติกรรมที่แสดงว่าตนถือครองหลักทรัพย์ของกิจการแทนหรือร่วมกับห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือนิติบุคคลอื่นใดนั้น

(8) การให้หลักทรัพย์ของกิจการแก่บุคคลอื่นที่มิใช่การให้โดยเสน่หาตามความสัมพันธ์ปกติระหว่างบิดามารดากับบุตรที่บรรลุนิติภาวะ

(9) การมีข้อตกลงระหว่างกันของบุคคลใด ๆ เพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ของกิจการในราคาต่ำโดยไม่มีเหตุอันควร แต่ไม่รวมถึงการซื้อขายหลักทรัพย์ระหว่างบิดามารดากับบุตรที่บรรลุนิติภาวะ

(10) บุคคลในกลุ่มเดียวกันตามนัยแห่งประกาศที่ออกตามความในมาตรา 246 หรือมาตรา 247 ให้นำความสัมพันธ์และพฤติกรรมตามที่กำหนดในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับการพิจารณาหน้าที่ในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการอันเนื่องจากการเข้ามีอำนาจควบคุมอย่างมีนัยสำคัญในนิติบุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้นของกิจการอยู่ก่อนแล้ว (chain principle) ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในประกาศที่ออกตามความในมาตรา 247 ด้วย

ข้อ 3 ในการพิจารณาหน้าที่รายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 246 หรือหน้าที่ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 247 ให้นับรวมจำนวนหลักทรัพย์ของกิจการที่ถือโดยบุคคลตามข้อ 2 และบุคคลตามมาตรา 258 ของแต่ละบุคคลดังกล่าว

ข้อ 4 การทำหน้าที่รายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 246 ของบุคคลที่มีความสัมพันธ์หรือพฤติกรรมตามข้อ 2 ให้เป็นดังนี้

(1) ให้บุคคลตามข้อ 2 แต่ละรายที่เริ่มต้นมีความสัมพันธ์หรือพฤติกรรม มีหน้าที่รายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการแยกต่างหากจากกัน เว้นแต่จะเข้ากรณีตามข้อ 10

(2) ในกรณีที่บุคคลตามข้อ 2 รายใดได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการภายหลังการมีหน้าที่ตาม (1) อันเป็นผลให้ถึงหรือข้ามจุดที่ต้องรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 246 อีกครั้งหนึ่ง ให้บุคคลที่เป็นผู้ได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์นั้นมีหน้าที่รายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ

ข้อ 5 การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 247 ของบุคคลที่มีความสัมพันธ์หรือพฤติกรรมตามข้อ 2 ให้เป็นดังนี้

(1) ให้บุคคลตามข้อ 2 ที่เริ่มต้นมีความสัมพันธ์หรือพฤติกรรม ร่วมกันทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการ โดยอาจตกลงกันให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้รับซื้อหลักทรัพย์ตามคำเสนอซื้อแต่เพียงฝ่ายเดียวก็ได้ เว้นแต่จะเข้ากรณีตามข้อ 11

(2) ในกรณีที่บุคคลตามข้อ 2 รายใดได้หลักทรัพย์ของกิจการเพิ่มขึ้นภายหลังการมีหน้าที่ร่วมกันตาม (1) อันเป็นผลให้ถึงหรือข้ามจุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 247 อีกครั้งหนึ่ง ให้บุคคลรายนั้นมีหน้าที่ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ

ข้อ 6 เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 247 ในกรณีที่บุคคลตามข้อ 2 ไม่มีการได้มาซึ่งหุ้นของกิจการในระหว่างระยะเวลาเก้าสิบวันก่อนวันที่ยื่นคำเสนอซื้อต่อสำนักงาน ราคาเสนอซื้อหุ้นแต่ละประเภทต้องไม่ต่ำกว่าราคาตลาดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นนั้นในระหว่างห้าวันทำการก่อนวันที่บุคคลดังกล่าวจะมีลักษณะตามข้อ 2

ข้อ 7 ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นและสมควร สำนักงานอาจเสนอเรื่องต่อคณะอนุกรรมการวินิจฉัยการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ เพื่อพิจารณาหรือสั่งการใด ๆ เกี่ยวกับการพิจารณาความสัมพันธ์หรือพฤติกรรมระหว่างบุคคลตามข้อ 2 หรือการทำหน้าที่ของบุคคลที่มีความสัมพันธ์ หรือพฤติกรรมตามข้อ 2 ตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 246 และมาตรา 247 ได้

ข้อ 8 บุคคลที่มีความสัมพันธ์หรือพฤติกรรมตามข้อ 2 และจะเป็นผลให้มีการได้มาหรือเป็นผู้ถือหุ้นรวมกันจนถึงหรือข้ามจุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศที่ออกตามความในมาตรา 247 บุคคลนั้นอาจยื่นคำขอผ่อนผันต่อสำนักงาน หรือต่อคณะอนุกรรมการวินิจฉัยการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการผ่านสำนักงาน เพื่อมิให้ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในประกาศที่ออกตามความในมาตรา 247 ได้

ข้อ 9 ในกรณีที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์หรือพฤติกรรมของบุคคลที่เข้าลักษณะของการกระทำการร่วมกับบุคคลอื่นตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 246 หรือตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 247 เปลี่ยนแปลงไปและเป็นผลให้บุคคลดังกล่าวไม่มีความสัมพันธ์หรือพฤติกรรมตามข้อ 2 อีกต่อไป บุคคลดังกล่าวอาจแจ้งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวต่อสำนักงานตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่จัดไว้ในระบบงานอิเล็กทรอนิกส์ของสำนักงาน

การที่สำนักงานได้รับแจ้งข้อมูลตามวรรคหนึ่ง มิได้แสดงว่าสำนักงานเห็นชอบหรือรับรองข้อมูลที่ได้รับแจ้งนั้น

ข้อ 10 บุคคลที่มีความสัมพันธ์หรือพฤติกรรมตามข้อ 2 อยู่ก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ และการถือหลักทรัพย์ของบุคคลเหล่านั้นถึงหรือข้ามจุดที่มีหน้าที่ต้องรายงานการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 246 ให้บุคคลเหล่านั้นไม่มีหน้าที่รายงานการได้มา ซึ่งหลักทรัพย์ของกิจการในกรณีดังกล่าว หากต่อมาบุคคลตามวรรคหนึ่งรายใดมีการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการไม่ว่าจำนวนใด ๆ ให้บุคคลรายที่มีการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์นั้นมีหน้าที่รายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 246

ข้อ 11 บุคคลที่มีความสัมพันธ์หรือพฤติกรรมตามข้อ 2 อยู่ก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับและการถือหุ้นของบุคคลเหล่านั้นถึงหรือข้ามจุดที่มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 247 ให้บุคคลเหล่านั้นไม่มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการในกรณีดังกล่าว

หากต่อมาบุคคลตามวรรคหนึ่งรายใดมีการได้หุ้นของกิจการไม่ว่าจำนวนใด ๆ ให้บุคคลรายที่มีการได้มานั้นมีหน้าที่ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 247 เว้นแต่จะเป็นกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้

(1) เป็นการได้หุ้นของกิจการในขณะที่การถือหุ้นของบุคคลเหล่านั้นไม่ถึงหรือข้ามจุดตามวรรคหนึ่งแล้ว

(2) เป็นการได้หุ้นของกิจการในขณะที่การถือหุ้นของบุคคลเหล่านั้นถึงหรือข้ามจุดตามวรรคหนึ่ง แต่บุคคลรายที่มีการได้มานั้นจำหน่ายหุ้นของกิจการในส่วนที่มีการได้มาดังกล่าวทั้งหมดบนกระดานหลักของตลาดหลักทรัพย์หรือจำหน่ายคืนบุคคลที่ตนซื้อมาภายในเจ็ดวันทำการนับแต่วันที่ได้มาซึ่งหุ้นของกิจการ แต่ต้องก่อนวันที่บุคคลรายที่มีการได้มานั้นมีสถานะเป็นผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนนในการประชุมผู้ถือหุ้น

ข้อ 12 บุคคลที่มีความสัมพันธ์หรือพฤติกรรมตามข้อ 2 อยู่ก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ โดยบุคคลเหล่านั้นมีอำนาจควบคุมอย่างมีนัยสำคัญในนิติบุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้นของกิจการอยู่ก่อนแล้ว (chain principle) ตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 247 ให้บุคคลเหล่านั้นไม่มีหน้าที่ ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการในกรณีดังกล่าวหากต่อมาบุคคลตามวรรคหนึ่งรายใดมีการได้อำนาจควบคุมของนิติบุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้นของกิจการอยู่ก่อนแล้วเพิ่มเติมหรือได้หุ้นของกิจการ ไม่ว่าจำนวนใด ๆ ให้บุคคลรายที่มีการได้อำนาจควบคุมมานั้นมีหน้าที่ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 247 เว้นแต่จะเป็นกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้

(1) เป็นการได้อำนาจควบคุมของนิติบุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้นของกิจการเพิ่มเติมหรือได้หุ้นของกิจการในขณะที่บุคคลเหล่านั้นไม่มีอำนาจควบคุมอย่างมีนัยสำคัญในนิติบุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้นของกิจการอยู่ก่อนแล้วตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 247

(2) เป็นการได้อำนาจควบคุมของนิติบุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้นของกิจการเพิ่มเติมในขณะที่บุคคลเหล่านั้นมีอำนาจควบคุมอย่างมีนัยสำคัญในนิติบุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้นของกิจการอยู่ก่อนแล้วตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 247 แต่บุคคลรายที่มีการได้อำนาจควบคุมมานั้นดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ภายในเจ็ดวันทำการนับแต่วันที่ได้อำนาจควบคุมเพิ่มเติม แต่ต้องก่อนวันที่กิจการกำหนดสิทธิผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนนในการประชุมผู้ถือหุ้นของกิจการ

(ก) ลดการมีอำนาจควบคุมที่ได้มาเพิ่มในนิติบุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้นของกิจการอยู่ก่อนแล้ว หรือ

(ข) จำหน่ายหุ้นของกิจการบนกระดานหลักของตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้คงเหลือน้อยกว่าจุดที่มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ

(3) เป็นการได้หุ้นของกิจการเพิ่มเติมในขณะที่บุคคลเหล่านั้นมีอำนาจควบคุมอย่างมีนัยสำคัญในนิติบุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้นของกิจการอยู่ก่อนแล้วตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 247 แต่บุคคลรายที่มีการได้มานั้นจำหน่ายหุ้นของกิจการในส่วนที่มีการได้มาทั้งหมดบนกระดานหลักของตลาดหลักทรัพย์หรือจำหน่ายคืนบุคคลที่ตนซื้อมา หรือลดการมีอำนาจควบคุมในนิติบุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้นของกิจการอยู่ก่อนแล้วจนทำให้ไม่มีอำนาจควบคุมอย่างมีนัยสำคัญตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 247 ทั้งนี้ การจำหน่ายหุ้นของกิจการในส่วนที่มีการได้มาทั้งหมดหรือการลดการมีอำนาจควบคุมในนิติบุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้นของกิจการต้องกระทำภายในเจ็ดวันทำการนับแต่วันที่ได้มาซึ่งหุ้นของกิจการแต่ต้องก่อนวันที่บุคคลรายที่มีการได้มานั้นมีสถานะเป็นผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนนในการประชุมผู้ถือหุ้น

ข้อ 13 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

(นายวิจิตร สุพินิจ)

ประธานกรรมการ

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

หมายเหตุ : เหตุผลในการออกประกาศฉบับนี้ คือ เพื่อกำหนดความสัมพันธ์หรือพฤติกรรมที่เข้าลักษณะเป็นการกระทำร่วมกับบุคคลอื่น อันเป็นผลให้มี

หน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดตามประกาศที่ออกตามความในมาตรา 246 และมาตรา 247 จึงจำเป็นต้องออก

ประกาศนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ