หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการชำระบัญชีของกองทุนรวม

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 3, 2009 10:24 —ประกาศ ก.ล.ต.

ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน

ที่ ทน. 76/2552

เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการชำระบัญชีของกองทุนรวม

________________________

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 16/6 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 และมาตรา 130 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 41 มาตรา 43 มาตรา 44 และมาตรา 64 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย คณะกรรมการ ก.ล.ต. ทำหน้าที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนตามมาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 ออกข้อกำหนดไว้ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ในประกาศนี้

“บริษัทหลักทรัพย์” หมายความว่า บริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนรวม

ข้อ 2 ประกาศนี้มิให้นำมาใช้บังคับกับกองทุนรวมที่มีประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการชำระบัญชีของกองทุนรวมนั้นไว้เป็นการเฉพาะแล้ว

ข้อ 3 บริษัทหลักทรัพย์ที่จัดการกองทุนรวมใดอาจทำหน้าที่ชำระบัญชีของกองทุนรวมนั้นได้ หรือจะแต่งตั้งบุคคลอื่นตามที่สำนักงานกำหนดเป็นผู้ชำระบัญชีของกองทุนรวมก็ได้ ทั้งนี้ ต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สำนักงานกำหนด

ข้อ 4 เมื่อบริษัทหลักทรัพย์ได้แต่งตั้งผู้ชำระบัญชีแล้ว ให้บริษัทหลักทรัพย์ดำเนินการดังต่อไปนี้

(1) ส่งมอบบัญชีและเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ของกองทุนรวม ซึ่งรับรองโดยบริษัทหลักทรัพย์นั้นเอง รวมทั้งดำเนินการให้ผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวมส่งมอบบัญชีและเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ของกองทุนรวมนั้นให้แก่ผู้ชำระบัญชีภายในห้าวันทำการนับแต่วันเลิกกองทุนรวม

(2) ส่งมอบงบการเงินของกองทุนรวม ณ วันเลิกกองทุนรวมที่ผ่านการตรวจสอบและแสดงความเห็นจากผู้สอบบัญชีของกองทุนรวมและรับรองโดยบริษัทหลักทรัพย์นั้นเองให้แก่ผู้ชำระบัญชีภายในสิบห้าวันทำการนับแต่วันเลิกกองทุนรวม

ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นและสมควร สำนักงานอาจพิจารณาผ่อนผันระยะเวลาการปฏิบัติตามวรรคหนึ่งได้

ข้อ 5 ให้ผู้ชำระบัญชีมีอำนาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้

(1) เก็บรวบรวมและตรวจรับทรัพย์สินของกองทุนรวมหรือที่กองทุนรวมมีสิทธิจะได้รับจากบุคคลอื่น

(2) จำหน่ายทรัพย์สินของกองทุนรวมเพื่อรวบรวมเป็นเงินสด เงินฝากธนาคาร หรือตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทเงินทุน

(3) ชำระหนี้ในนามกองทุนรวม และชำระค่าธรรมเนียม ค่าภาระติดพัน เงินค่าตอบแทนในการชำระบัญชี รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นซึ่งต้องเสียในการชำระบัญชีของกองทุนรวม

(4) แบ่งเงินหรือทรัพย์สินที่เหลืออยู่ภายหลังการชำระหนี้ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อปรากฏในทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันเลิกกองทุนรวม

(5) จดทะเบียนเลิกกองทุนรวมกับสำนักงาน

(6) ดำเนินการโอนทรัพย์สินคงค้างให้แก่สำนักงาน

(7) ดำเนินการอย่างอื่นเท่าที่จำเป็นเพื่อให้การชำระบัญชีเสร็จสิ้น

การจำหน่ายทรัพย์สินของกองทุนรวมตามวรรคหนึ่ง (2) ผู้ชำระบัญชีอาจมอบหมายให้บริษัทหลักทรัพย์เป็นผู้ดำเนินการได้ และในกรณีที่มีเหตุจำเป็นและสมควรซึ่งทำให้ไม่สามารถจำหน่ายทรัพย์สินของกองทุนรวมได้ ให้ผู้ชำระบัญชี บริษัทหลักทรัพย์ และผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวมนั้นร่วมกันพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินดังกล่าวตามที่เห็นสมควร โดยต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ที่กองทุนรวมจะได้รับเป็นสำคัญ

การชำระค่าธรรมเนียม ค่าภาระติดพัน รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นซึ่งต้องเสียในการชำระบัญชีของกองทุนรวมตามวรรคหนึ่ง (3) ให้ชำระก่อนการชำระหนี้รายอื่น

ข้อ 6 ให้ผู้ชำระบัญชีฝากทรัพย์สินของกองทุนรวมไว้กับผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนรวมนั้น โดยผู้ชำระบัญชีเป็นผู้สั่งรับและจ่ายทรัพย์สินรวมทั้งเงินดังกล่าว

ข้อ 7 ภายในห้าวันทำการนับแต่วันที่ผู้ชำระบัญชีได้รับมอบบัญชีและเอกสารหลักฐานของกองทุนรวมตามข้อ 4 วรรคหนึ่ง (1) ให้ผู้ชำระบัญชีดำเนินการดังต่อไปนี้

(1) แจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าหนี้ซึ่งมีชื่อปรากฏในบัญชีและเอกสารหลักฐานของกองทุนรวม ยื่นคำทวงหนี้แก่ผู้ชำระบัญชีภายในสิบวันทำการนับแต่วันที่เจ้าหนี้ได้รับหนังสือแจ้ง

(2) แจ้งเป็นหนังสือให้ลูกหนี้ซึ่งมีชื่อปรากฏในบัญชีและเอกสารหลักฐานของกองทุนรวมชำระหนี้แก่ผู้ชำระบัญชีภายในเวลาอันควรและต้องติดตามทวงถามให้ชำระหนี้ตามสมควรแก่กรณี โดยต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ที่กองทุนรวมจะได้รับเป็นสำคัญ

การส่งหนังสือแจ้งให้เจ้าหนี้และลูกหนี้ตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ชำระบัญชีส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ หรือโดยวิธีอื่นใดที่มีหลักฐานการตอบรับ

ข้อ 8 เมื่อผู้ชำระบัญชีได้ชำระหนี้หรือกันเงินเพื่อการชำระหนี้ทั้งหมดของกองทุนรวมแล้ว ให้ผู้ชำระบัญชีแบ่งและจัดส่งเงินส่วนที่เหลือนั้นให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนตามส่วนของหน่วยลงทุนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนแต่ละรายถืออยู่ตามหลักฐานที่ปรากฏในทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันเลิกกองทุนรวม และเมื่อได้ดำเนินการดังกล่าวแล้ว ให้ถือว่าการชำระบัญชีเสร็จสิ้น

ในการจัดส่งเงินให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ชำระบัญชีจัดส่งเอกสารดังต่อไปนี้ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนด้วย

(1) สำเนางบการเงินสำหรับระยะเวลานับแต่วันเลิกกองทุนรวมจนถึงระยะเวลาไม่เกินห้าวันทำการก่อนวันจัดส่งเงินงวดสุดท้ายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ซึ่งประกอบด้วย

(ก) งบรายรับและรายจ่าย

(ข) งบรายได้และค่าใช้จ่าย

(ค) งบแสดงส่วนของผู้ถือหน่วยลงทุน

(2) เอกสารที่แสดงถึงจำนวนเงินที่จ่ายคืนผู้ถือหน่วยลงทุนคิดเป็นต่อหน่วยลงทุนงบการเงินตามวรรคสอง (1) ต้องเป็นงบการเงินที่ผ่านการตรวจสอบและแสดงความเห็นจากผู้สอบบัญชีที่ได้รับความเห็นชอบตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการให้ความเห็นชอบผู้สอบบัญชี หรือประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการให้ความเห็นชอบผู้สอบบัญชีของบริษัทหลักทรัพย์และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์

ข้อ 9 ถ้าเจ้าหนี้ของกองทุนรวมมิได้ยื่นคำทวงหนี้แก่ผู้ชำระบัญชี หรือผู้ถือหน่วยลงทุนไม่มารับเงินหรือทรัพย์สิน หรือไม่ยื่นเช็คแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินตามเช็คที่ได้รับเนื่องจากการแจกจ่ายทรัพย์สินให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ให้ผู้ชำระบัญชีวางเงินตามจำนวนหนี้หรือจำนวนเงินตามเช็ค หรือวางทรัพย์สิน รวมทั้งวางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมไว้ ณ สำนักงานวางทรัพย์ ตามกฎหมาย กฎข้อบังคับและระเบียบเกี่ยวกับการวางทรัพย์ และให้ผู้ชำระบัญชีแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าหนี้ หรือผู้ถือหน่วยลงทุนซึ่งมีชื่อปรากฏในบัญชีและเอกสารหลักฐานของกองทุนรวมทราบถึงการวางเงินหรือทรัพย์สินดังกล่าวโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับหรือโดยวิธีอื่นที่มีหลักฐานการตอบรับ ในการนี้ ผู้ชำระบัญชีต้องดำเนินการใด ๆ ตามความจำเป็นเพื่อให้สำนักงานเป็นผู้มีสิทธิถอนเงินหรือทรัพย์สินที่วางไว้ ซึ่งเจ้าหนี้หรือผู้ถือหน่วยลงทุนมิได้เรียกเอาภายในสิบปีนับแต่วันที่ได้รับคำบอกกล่าว การวางเงินหรือทรัพย์สิน ในฐานะที่เป็นทรัพย์สินคงค้างของกองทุนรวม

ข้อ 10 ผู้ชำระบัญชีต้องชำระบัญชีให้เสร็จสิ้นภายในเก้าสิบวันนับแต่วันเลิกกองทุนรวม และเมื่อชำระบัญชีเสร็จสิ้นแล้ว ให้ผู้ชำระบัญชียื่นคำขอจดทะเบียนเลิกกองทุนรวมพร้อมทั้งจัดส่งรายงานผลการชำระบัญชีตามแบบที่จัดไว้ในระบบงานอิเล็กทรอนิกส์ของสำนักงาน ต่อสำนักงานภายในสามสิบวันนับแต่วันชำระบัญชีเสร็จสิ้น เว้นแต่ในกรณีที่ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่มารับเงินหรือทรัพย์สิน หรือไม่ยื่นเช็คแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินตามเช็ค ที่ได้รับเนื่องจากการแจกจ่ายทรัพย์สินให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ให้ผู้ชำระบัญชียื่นคำขอจดทะเบียนเลิกกองทุนรวมได้เมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันชำระบัญชีเสร็จสิ้น แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันชำระบัญชีเสร็จสิ้น เว้นแต่กรณีมีเหตุผลจำเป็นและสมควรโดยได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน

ข้อ 11 ในกรณีที่ผู้ชำระบัญชีไม่สามารถชำระบัญชีให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่กำหนดตามข้อ 10 ให้ผู้ชำระบัญชีทำหนังสือขอผ่อนผันระยะเวลาการชำระบัญชีต่อสำนักงานพร้อมทั้งระบุเหตุผลในการขอผ่อนผัน ในกรณีที่สำนักงานผ่อนผันระยะเวลาการชำระบัญชี สำนักงานอาจสั่งให้ผู้ชำระบัญชีดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อเร่งรัดการชำระบัญชีตามที่เห็นสมควร ทั้งนี้ ให้ผู้ชำระบัญชีส่งรายงานการชำระบัญชีพร้อมแถลงความเป็นไปในการชำระบัญชีให้สำนักงานทราบเป็นรายเดือนจนกว่าการชำระบัญชีจะเสร็จสิ้น

มิให้นำความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับการชำระบัญชีของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงินและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิเรียกร้อง

ข้อ 12 ในกรณีที่ผู้ชำระบัญชีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ให้ผู้ชำระบัญชีส่งมอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ของกองทุนรวม ตลอดจนจัดทำรายงานการชำระบัญชีเท่าที่ได้ดำเนินการไปแล้วให้บริษัทหลักทรัพย์ทันที และให้บริษัทหลักทรัพย์ดำเนินการดังต่อไปนี้

(1) แต่งตั้งผู้ชำระบัญชีรายใหม่เพื่อปฏิบัติหน้าที่แทนภายในสิบวันทำการนับแต่วันที่ผู้ชำระบัญชีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้

(2) แจ้งเป็นหนังสือให้สำนักงานทราบภายในห้าวันทำการนับแต่วันแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีรายใหม่

(3) ส่งมอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ของกองทุนรวมให้แก่ผู้ชำระบัญชีรายใหม่นั้นภายในห้าวันทำการนับแต่วันแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีรายใหม่ กำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง สำนักงานอาจพิจารณาผ่อนผันได้ตามที่เห็นจำเป็นและสมควร

ข้อ 13 เมื่อสำนักงานรับจดทะเบียนเลิกกองทุนรวมแล้ว ให้ผู้ชำระบัญชีจัดส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวให้แก่บริษัทหลักทรัพย์และผู้ดูแลผลประโยชน์ และส่งมอบบัญชีและเอกสารหลักฐานทั้งหมดของกองทุนรวมให้แก่บริษัทหลักทรัพย์ที่รับจัดการกองทุนรวมนั้นเก็บรักษาเป็นระยะเวลา ไม่น้อยกว่าสิบปีนับแต่วันจดทะเบียนเลิกกองทุนรวม

ข้อ 14 ให้บรรดาประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คำสั่ง และหนังสือเวียน ที่ออกหรือวางแนวปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กน. 9/2540 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการชำระบัญชีของกองทุนรวม ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดแห่งประกาศนี้ จนกว่าจะได้มีประกาศ คำสั่ง และหนังสือเวียน ที่ออกหรือวางแนวปฏิบัติตามประกาศนี้ใช้บังคับ

ข้อ 15 ในกรณีที่มีประกาศฉบับอื่นใดอ้างอิงประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กน. 9/2540 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการชำระบัญชีของกองทุนรวม ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540 ให้การอ้างอิงดังกล่าวหมายถึงการอ้างอิงประกาศฉบับนี้

ข้อ 16 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552

(นายวิจิตร สุพินิจ)

ประธานกรรมการ

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

หมายเหตุ : เหตุผลในการออกประกาศฉบับนี้ คือ เนื่องจากพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 กำหนดให้การ

ออกหลักเกณฑ์ในการชำระบัญชีของกองทุนรวม เป็นอำนาจของคณะกรรมการกำกับตลาดทุน จึงเห็นควรออกประกาศเพื่อทดแทนประกาศ

          คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กน. 9/2540  เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการชำระบัญชีของกองทุนรวม           ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540  จึงจำเป็นต้องออกประกาศนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ