ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน
ที่ ทธ. 60/2552
เรื่อง การทำธุรกรรมในตั๋วเงินโดยบริษัทหลักทรัพย์
__________________________
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 16/6 และมาตรา 113 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 และมาตรา 98(8) มาตรา 114 และมาตรา 116 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 41 มาตรา 43 มาตรา 44 และมาตรา 64 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย คณะกรรมการ ก.ล.ต. ทำหน้าที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนตามมาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 ออกข้อกำหนดไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ในประกาศนี้
(1) คำว่า “ผู้ลงทุนสถาบัน” “ผู้ลงทุนรายใหญ่” และ “บริษัทจดทะเบียน” ให้อนุโลมตามบทนิยามของคำดังกล่าวที่กำหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการกำหนดบทนิยามในประกาศเกี่ยวกับการออกและเสนอขายตราสารหนี้ทุกประเภท
(2) “สถาบันการเงิน” หมายความว่า
(ก) ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน
(ข) สถาบันการเงินที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ซึ่งเป็นสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงิน
(3) “บริษัทประกันภัย” หมายความว่า
(ก) บริษัทประกันวินาศภัย ตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย
(ข) บริษัทประกันชีวิต ตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต
(4) “ทำธุรกรรม” ให้หมายความรวมถึง ซื้อ รับโอน ขาย หรือโอน
ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับกับบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ การค้าหลักทรัพย์ หรือการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์
ข้อ 3 ให้ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ตามข้อ 2 ทำธุรกรรมในตั๋วเงินที่เป็นหลักทรัพย์ได้เมื่อเป็นกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้
(1) ซื้อหรือรับโอนตั๋วเงินเพื่อตนเอง
(2) ทำธุรกรรมกับธนาคารแห่งประเทศไทย บริษัทหลักทรัพย์ สถาบันการเงิน บริษัทประกันภัย หรือบุคคลอื่นตามที่สำนักงานประกาศกำหนด เมื่อบุคคลดังกล่าวทำธุรกรรมในนามของตนเอง
(3) ขายหรือโอนตั๋วเงินที่มีลักษณะดังนี้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป
(ก) ตั๋วเงินที่มีสถาบันการเงินสลักหลังแบบมีสิทธิไล่เบี้ย หรือรับอาวัลผู้สั่งจ่ายหรือผู้ออกตั๋วทั้งจำนวน หรือให้การรับรองตลอดไป ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ตามข้อ 2 มีสถานะเป็นสถาบันการเงินอยู่ด้วย การสลักหลัง รับอาวัล หรือให้การรับรองตั๋วเงินตามวรรคหนึ่ง จะกระทำในคราวเดียวกับที่มีการทำธุรกรรมในตั๋วเงินนั้นก็ได้
(ข) ตั๋วเงินที่ออกโดยนิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจ และนิติบุคคลที่ออกตั๋วเงินดังกล่าวได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตั๋วเงินนั้นต่อสำนักงาน ทั้งนี้ ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ต้องแจกจ่ายข้อมูลเกี่ยวกับผู้ออกตั๋วเงินและ ลักษณะตั๋วเงินตามแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตั๋วเงินแก่ผู้ลงทุนก่อนการเสนอขายตั๋วเงินดังกล่าว
(ค) ตั๋วเงินที่ออกโดยบริษัทจดทะเบียนและมีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือตั๋วเงิน ผู้ออกตั๋วเงิน หรือผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกันหนี้ตามตั๋วเงิน
(ง) ตั๋วเงินที่ออกโดยบริษัทที่มิใช่บริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทที่ออกตั๋วเงินดังกล่าวได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตั๋วเงินนั้นต่อสำนักงาน และมีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือตั๋วเงิน ผู้ออกตั๋วเงิน หรือผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกันหนี้ตามตั๋วเงิน
(4) ขายหรือโอนตั๋วเงิน ที่มีลักษณะดังนี้แก่ผู้ลงทุนสถาบันหรือผู้ลงทุนรายใหญ่
(ก) ตั๋วเงินที่เข้าลักษณะตาม (3) (ก)
(ข) ตั๋วเงินที่เข้าลักษณะตาม (3) (ข) ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ต้องแจกจ่ายข้อมูลเกี่ยวกับผู้ออกตั๋วเงินและลักษณะตั๋วเงินตามแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตั๋วเงินแก่ผู้ลงทุนก่อนการเสนอขายตั๋วเงินดังกล่าว
(ค) ตั๋วเงินที่ออกโดยบริษัทจดทะเบียน
(ง) ตั๋วเงินที่ออกโดยบริษัทที่มิใช่บริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทที่ออกตั๋วเงินดังกล่าวได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตั๋วเงินนั้นต่อสำนักงาน ทั้งนี้ ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ต้องแจกจ่ายข้อมูลเกี่ยวกับผู้ออกตั๋วเงินและลักษณะตั๋วเงินตามแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตั๋วเงินแก่ผู้ลงทุนก่อนการเสนอขายตั๋วเงินดังกล่าว
(5) ขายหรือโอนตั๋วเงินให้แก่นิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์
ข้อ 4 ให้ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ตามข้อ 2 ทำธุรกรรมในตั๋วเงินที่ไม่เป็นหลักทรัพย์ได้ หากตั๋วเงินดังกล่าวมีลักษณะดังต่อไปนี้
(1) ตั๋วเงินที่สถาบันการเงินเป็นผู้สั่งจ่าย ผู้ออกตั๋ว ผู้รับอาวัลผู้สั่งจ่ายทั้งจำนวน ผู้รับอาวัลผู้ออกตั๋วทั้งจำนวน หรือผู้จ่ายและให้การรับรองตลอดไป ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ออกตั๋วดังกล่าว
(2) ตั๋วเงินที่มีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลผู้สั่งจ่ายทั้งจำนวน ผู้รับอาวัลผู้ออกตั๋วทั้งจำนวน หรือผู้ค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ยเต็มจำนวนอย่างไม่มีเงื่อนไข ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ออกตั๋วดังกล่าว
ข้อ 5 ให้บรรดาประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คำสั่ง และหนังสือเวียน ที่ออกหรือวางแนวปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กธ. 36/2547 เรื่อง การทำธุรกรรมในตั๋วเงินโดยบริษัทหลักทรัพย์ ลงวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2547 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดแห่งประกาศนี้ จนกว่าจะได้มีประกาศ คำสั่ง และหนังสือเวียน ที่ออกหรือวางแนวปฏิบัติตามประกาศนี้ใช้บังคับ
ข้อ 6 ในกรณีที่มีประกาศฉบับอื่นใดอ้างอิงประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กธ. 36/2547 เรื่อง การทำธุรกรรมในตั๋วเงินโดยบริษัทหลักทรัพย์ ลงวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2547 ให้การอ้างอิงดังกล่าวหมายถึงการอ้างอิงประกาศฉบับนี้
ข้อ 7 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552
(นายวิจิตร สุพินิจ)
ประธานกรรมการ
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ออกหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ การค้าหลักทรัพย์ หรือการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ เป็นอำนาจ
ของคณะกรรมการกำกับตลาดทุน และห้ามบริษัทหลักทรัพย์ประกอบกิจการอื่นใดที่มิใช่ธุรกิจหลักทรัพย์ในประเภทที่ได้รับอนุญาต เว้นแต่ได้
รับอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับตลาดทุน จึงเห็นควรออกประกาศเพื่อรองรับการปรับปรุงประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และ
ตลาดหลักทรัพย์ ที่ กย.36/2547 เรื่อง การทำธุรกรรมในตั๋วเงินโดยบริษัทหลักทรัพย์ ลงวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2547 จึงจำเป็น
ต้องออกประกาศนี้