ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ที่ อน/ข. 1/2549
เรื่อง แนวทางการพิจารณาคำว่า “บุคคลผู้มีอำนาจในการจัดการ”
ตามมาตรา 103(4) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และ
ตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
_________________________
เนื่องจากมาตรา 103(4) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งกำหนดห้ามมิให้บริษัทหลักทรัพย์ตั้งหรือยอมให้กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลผู้มีอำนาจในการจัดการ ของบริษัทหลักทรัพย์อื่น เป็นหรือทำหน้าที่กรรมการ ผู้จัดการ บุคคลผู้มีอำนาจในการจัดการ หรือที่ปรึกษาของบริษัทหลักทรัพย์ มีเจตนารมณ์เพื่อป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์ และโดยที่พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มิได้กำหนดความหมายของคำว่า “บุคคลผู้มีอำนาจในการจัดการ” ไว้ คณะกรรมการ ก.ล.ต. จึงกำหนดแนวทางการพิจารณาความหมายของบุคคลดังกล่าวให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายและความจำเป็นในการประกอบธุรกิจ ที่มีลักษณะเป็นกลุ่มธุรกิจ (conglomerate) มากยิ่งขึ้น โดยให้หมายถึงเฉพาะกรรมการบริหาร รองผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการ ผู้อำนวยการฝ่าย ผู้จัดการสาขา และผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าที่เรียกชื่ออย่างอื่น ที่รับผิดชอบในสายงานเกี่ยวกับการให้บริการด้านหลักทรัพย์ การปฏิบัติการด้านหลักทรัพย์ หรือการวิจัยด้านหลักทรัพย์หรือตลาดทุนในลักษณะ vertical line of command เท่านั้น เพื่อให้ผู้บริหาร ดังกล่าวของบริษัทหลักทรัพย์ที่มิได้รับผิดชอบงานในลักษณะ vertical line of command เป็นผู้บริหารของบริษัทหลักทรัพย์อื่นในกลุ่มธุรกิจเดียวกันได้ ประกอบกับในปัจจุบันได้มีการให้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ การค้าหลักทรัพย์ หรือการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ที่เป็นหน่วยลงทุน “ใบอนุญาต LBDU” แก่ธนาคารพาณิชย์ จึงมีประเด็นพิจารณาว่าผู้บริหารของธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับใบอนุญาต LBDU สามารถเป็นผู้บริหารของบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนรวม “บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม” ได้หรือไม่ คณะกรรมการ ก.ล.ต.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การทำหน้าที่ในสายงานเกี่ยวกับการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนในธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับใบอนุญาต LBDU มีลักษณะเป็นการเกื้อหนุนและส่งเสริมธุรกิจการจัดการกองทุนรวม มิได้ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างธนาคารพาณิชย์กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมแต่อย่างใด ดังนั้น เพื่อให้การใช้กฎหมายเป็นไปโดยสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายและความจำเป็นในการประกอบธุรกิจดังกล่าวแล้ว คณะกรรมการ ก.ล.ต.
จึงมีแนวทางในการพิจารณาความหมายของ “บุคคลผู้มีอำนาจในการจัดการ” ในกรณีผู้บริหารของธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับใบอนุญาต LBDU เป็นผู้บริหารของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมว่า รองผู้จัดการผู้ช่วยผู้จัดการ ผู้อำนวยการฝ่าย ผู้จัดการสาขา และผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าที่เรียกชื่ออย่างอื่น ของธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับใบอนุญาต LBDU ซึ่งทำหน้าที่เฉพาะในสายงานเกี่ยวกับการติดต่อ ชักชวน หรือให้คำแนะนำ ในการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนผ่านช่องทางบริการปกติในธนาคารพาณิชย์ดังกล่าวไม่อยู่ในความหมายของบุคคลผู้มีอำนาจในการจัดการของธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับใบอนุญาต LBDU โดยบุคคลดังกล่าวต้องมิได้ทำหน้าที่อื่นในธนาคารพาณิชย์ในสายงานเกี่ยวกับการวิจัยด้านหลักทรัพย์หรือตลาดทุน การปฏิบัติการด้านหลักทรัพย์ หรือการให้บริการด้านหลักทรัพย์ เช่น ไม่ทำหน้าที่ในสายงานที่เกี่ยวกับการค้าหน่วยลงทุน การจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน การค้าหรือจัดจำหน่ายหลักทรัพย์อันเป็นตราสารแห่งหนี้ การยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การที่บุคคลดังกล่าวไปดำรงตำแหน่งผู้บริหารของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บุคคลดังกล่าวต้องมีคุณวุฒิทางการศึกษา ประสบการณ์ในการทำงานหรือคุณสมบัติอื่นและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่มาตรา 103 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และประกาศที่เกี่ยวข้องกำหนด และหากเป็นการดำรงตำแหน่งกรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจทั้งหมดหรือบางส่วนในการบริหารงานของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม ต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานตามมาตรา 104 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ด้วย ทั้งนี้ แนวทางการพิจารณาดังกล่าวให้ใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2548
สำนักงานจึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
ประกาศ ณ วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2549
(นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล)
เลขาธิการ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์