นายประพันธ์ อัศวอารี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก(EASTW) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับลดแผนการลงทุน 5 ปีลงจากเดิมที่คาดว่าจะลงทุน 6.7 พันล้านบาท เหลือเพียง 3.1 พันล้านบาท โดยตัดโครงการลงทุนผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล ซึ่งต้องใช้เงินลงทุน 3-4 พันล้านบาทออกไป
ส่วนโครงการลงทุนสร้างอ่างเก็บน้ำที่เดิมคาดว่าจะลงทุนสูงถึง 3 พันล้านบาทก็จะปรับลดขนาดการลงทุนลง โดยบริษัทมีแผนจะเข้าไปซื้อโครงการอ่างเก็บน้ำที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างของบริษัทที่มีปัญหาใน จ.ระยอง มาบริหารแทน ซึ่งจะช่วยลดงบลงทุนได้ค่อนข้างมาก และอยู่ระหว่างการประเมินงบลงทุนใหม่ คาดว่า 1-2 เดือนนี้จะได้ข้อสรุป
ขณะที่โครงการสร้างท่อส่งน้ำจากหนองปลาไหลไปมาบตาพุดทจะเดินตามแผนลงทุนในไตรมาส 3/52 คาดว่าจะใช้เงิน 1.7 พันล้านบาทและใช้เวลาก่อสร้างประมาณปีครึ่ง
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนแผนที่บริษัทจะลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัท ซึ่งมองว่าปัจจุบันหุ้นที่เกี่ยวกับธุรกิจให้บริการน้ำนั้น ราคาในตลาดหุ้นต่างประเทศปรับลดมาในระดับที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในตลาดหุ้นสิงคโปร์
นอกจากนี้ยังมองการลงทุนในรูปแบบ M&A กับผู้ผลิตในธุรกิจน้ำในต่างประเทศที่น่าสนใจ อาทิ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา โดยจะเลือกเข้าไปลงทุนในประเทศที่มีการเมืองที่มั่นคงและมีระบบการกำกับดูแลค่าบริการที่ชัดเจน เพื่อลดความเสี่ยงการลงทุนของบริษัท ส่วนการลงทุนในประเทศ บริษัทมองแนวทางการทำ M&A โครงการบำบัดน้ำเสียให้นำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี
นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงผลประกอบการไตรมาส 2/52 คาดว่า ปริมาณการขายน้ำจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/52 เนื่องจากอุตสาหกรรมในแถบระยอง โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเริ่มกลับมาใช้กำลังการผลิตเพิ่มมากขึ้น และในอนาคตน่าจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นด้วย
สำหรับการกำหนดสูตรค่าน้ำใหม่นั้น คาดว่าบริษัท ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส เอบีเอเอส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้ เพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการคิดราคาค่าบริการน้ำดิบและน้ำประปาในอนาคต โดยเฉพาะในปี 54-55 ซึ่งยังไม่มีการกำหนดราคาล่วงหน้าเอาไว้ และยังช่วยลดปัญหาเรื่องการต่อรองราคาของลูกค้า