นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน(AMATA)กล่าวยอมรับว่า ขณะนี้บริษัทไม่สามารถคาดการณ์รายได้ในปี 52 แต่จะรอทบทวนอีกครังในไตรมาส 3/52 โดยหวังว่าจะได้เห็นทิศทางชัดเจนทั้งสถานการณ์การเมืองและภาวะเศรษฐกิจ
จากการประเมินยอดขายตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน เชื่อว่าครึ่งแรกของปีนี้จะมียอดขายที่ดินไม่ถึง 100 ไร่ เนื่องจากไตรมาส 1/52 มียอดขายเพียง 49.7 ไร่ ถือว่าลดลงจากครึ่งแรกของปี 51 ที่สามารถขายที่ดินได้ 191 ไร่
"จะให้ผมมาคาดการณ์รายได้ตอนนี้คงไม่ได้ รวมถึงการขายที่ดินก็เหมือนกัน เพราะตั้งแต่ต้นไตรมาส 2/52 จนถึงตอนนี้เหลืออีกแค่เดือนเดียวก็จะปิดไตรมาส 2 เรายังขาย(ที่ดิน)ไม่ได้เลย แม้เราจะมียอดขายจากไตรมาส 1 แต่ก็น้อยนิด" นายวิบูลย์ กล่าว
นายวิบูลย์ กล่าวว่า ปัญหาการเมือง โดยเฉพาะเหตุการณ์ความวุ่นวายต่าง ๆ กระทบอย่างมากต่อยอดขายที่ดินที่หายไปทันทีในช่วงไตรมาส 2/52 โดยขณะนี้มีลูกค้ากว่า 10 รายชะลอการเซ็นสัญญาซื้อที่ดิน รวมเป็นจำนวนที่ดินกว่า 200 ไร่ ซึ่งเป็นลูกค้าที่อยู่ในธุรกิจยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมือทางการเกษตร
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคาดหวังว่ามาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่มีการลดภาษีโอนที่ดินเหลือ 0.11% จาก 3.3% จะช่วยเร่งการโอนที่ดินของลูกค้าที่อยู่ใน backlog ใหแร็วขึ้น โดยคาดว่าในไตรมาส 2/52 คงเห็นการโอนราว 100-200 ล้านบาท
ดังนั้น บริษัทได้ประเมินในกรณีเลวร้ายคือขายที่ดินไม่ได้เลย บริษัทก็ยังสามารถรับรู้รายได้จาก backlog ที่มีอยู่ 600 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยพยุงรายได้ในปีนี้ และยังมีรายได้จากค่าสาธารณูปโภคเข้ามาด้วยอีกทางหนึ่งด้วย
นายวิบูลย์ กล่าวว่า จากผลกระทบต่างๆ ทำให้บริษัทชะลอการลงทุน และการออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งได้เจรจายืดหนี้ที่ครบชำระหนี้ 1.3 พันล้านบาทในปีนี้ไปเป็นปีหน้า ทำให้บริษัทยังมีสภาพคล่องในระดับดีอยู่
ขณะเดียวกัน บริษัทจะได้รับเงินเพิ่มจากธุรกิจที่บริษัทร่วมทุนกับ บริษัท โฮลี่ อินดัสเตรียล(ประเทศไทย) ที่นำที่ดินไปพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและย่านการค้า โดยบริษัทได้รับเงินมา 20% จากจำนวนเงินที่ได้รับทั้งหมด 600-700 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับภายในปีหน้า อย่างไรก็ดี ทางโฮลี่ฯเองก็ประสบปัญหาการขายที่ดินเช่นกัน