TTWคาดรายได้-กำไรโตชัดเจนปี 53 หลังรับจ่ายน้ำ-บำบัดน้ำเสียนิคมบางปะอิน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 4, 2009 13:54 —SMS: IQ ข่าวหุ้น

บมจ.น้ำประปาไทย(TTW) คาดว่า รายได้รวมและกำไรจะเติบโตอย่างเห็นได้ชัดในปี 53 หลังจากที่บริษัทได้เข้าซื้อสิทธิบริหารการผลิตและจำหน่ายน้ำประปา และให้บริการบำบัดน้ำเสียกับลูกค้าในเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในเดือน ก.ย.52 และจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 40 ล้านบาทในไตรมาส 4/52 จากนั้นในปีหน้าจะรับรู้รายได้เต็มที่ทั้งปีไม่ต่ำกว่า 160-170 ล้านบาท

"การเข้ามาผลิตและขายน้ำ และให้บริการบำบัดน้ำเสียในนิคมอุตสาหกรรรมบางปะอิน ซึ่งแตกต่างไปจากที่ทำในปัจจุบันที่เราแค่ส่งน้ำ แต่งานนี้เราเป็นผู้ให้บริการครบวงจร ทั้งการขายน้ำประปาและบำบัดน้ำเสีย ไม่ใช่แค่ส่งน้ำ ดูเรื่องมาร์จิ้นก็ดี และเราได้คือเราได้งานนอกเหนือจากของการประปาส่วนภูมิภาค เราทำมากกว่าเดิม เราก็จะได้ประสบการณ์ทำครบวงจร"นายสมโพธิ ศรีภูมิ กรรมการผู้จัดการ TTW กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

อนึ่ง TTW ได้เข้าซื้อสิทธิในการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาและการให้บริการบำบัดน้ำเสียแก่ลูกค้าภายในเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินเป็นระยะเวลา 30 ปี จากบริษัท ที่ดินบางปะอิน จำกัด เป็นเงิน 1.4 พันล้านบาท

นายสมโพธิ กล่าวว่า บริษัทประเมินรายได้ที่จะเข้ามาเพิ่มเติมจากงานใหม่ดังกล่าวที่เฉลี่ย 160-170 ล้านบาท/ปี โดยคิดบนพื้นฐานยอดจำหน่ายน้ำประปาปัจจุบันที่ 1.4 หมื่น ลบ.ม./วัน ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุด ขณะที่ระดับสูงสุดที่เคยจำหน่ายอยู่ที่ 1.7 หมื่นลบ.ม./วันเมื่อกลางปีที่แล้ว และคิดจากอัตราค่าน้ำประปาที่ 22.50 บาท/ลบ.ม.

"ปีหน้าเราก็จะมีรายได้เข้ามาเต็มปี และปีหน้าคาดว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น ยอดขายน้ำขึ้นไป รายได้ก็จะขึ้นตามไปด้วย... ถ้าการใช้น้ำเพิ่มขึ้นก็เป็นผลดี ทำให้ยอดน้ำเสียก็เพิ่มขึ้นเหมือนกัน เพราะถ้าใข้น้ำดีมากน้ำเสียก็มากตามไปด้วย"กรรมการผู้จัดการ TTW กล่าว

สำหรับแหล่งเงินที่นำมาใช้ซื้อสิทธิดังกล่าว จะเป็นเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากันอยู่ คาดว่าจะเป็นเงินกู้ระยะยาว 10 ปีขึ้นไป โดยบริษัทจะแบ่งจ่ายค่าสิทธิให้กับบริษัท ที่ดินบางปะอิน เป็น 3 งวด โดยงวดแรกจ่าย 1 พันล้านบาท งวดที่สอง 200 ล้านบาท และงวดที่สาม 200 ล้านบาท

นายสมโพธิ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าโครงการดังกล่าวจะคืนทุนได้ภายใน 10 ปี เพราะจากการดูผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของโครงการนี้ก็พบว่ามีกำไรทุกปี

"เรามองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเรา ก็มองเป็นโมเดลหนึ่ง เป็นไปได้ทั้งสองทางที่นิคมอุตสาหกรรมอื่นจะมาติดต่อหรือเราอาจติดต่อเองก็ได้"นายสมโพธิ กล่าว

*เล็งทบทวนเป้าหมายปี 52 หลังยอดขายน้ำหดตัว

นายสมโพธิ กล่าวว่า ธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง เนื่องจากปริมาณการใช้น้ำประปาไม่ได้เติบโตตามเป้าหมาย ดังนั้น บริษัทจึงคาดว่าจะมีการทบทวนเป้าหมายทางธุรกิจในปีนี้อีกครั้งหลังจากประกาศผลดำเนินงานสิ้นไตรมาส 2/52

เดิมบริษัทคาดว่ารายได้ในปี 52 จะเติบโตประมาณ 14-15% จากปี 51 จากปริมษรการใช้น้ำเพิ่มและการปรับราคาขาย

"พอสิ้นไตรมาส 2 เราจะมานั่งทบทวนดูแนวโน่มอีกที ว่าเป็นไปได้มากน้อยยังไงจากเดิมที่เราตั้งเป้าไว้ เราตั้งไว้ทั้งปี ประมาณ 242 ล้านลบ.ม. แต่ตอนนี้ยังต่ำกว่า ยังไม่เยอะเท่าไร เป็นเพราะเศรษฐกิจชะลอตัวลง"กรรมการผู้จัดการ TTW กล่าว

ปัจจุบัน TTW จ่ายน้ำประมาณ 3 แสนลบ.ม./วัน ส่วนบริษัท ประปาปทุมธานี(PTW) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จ่ายน้ำประปาอยู่ 3.2 แสนลบ.ม./วัน รวมประมาณ 6.2 แสนลบ.ม./วัน ซึ่งต่ำกว่าประมาณการเล็กน้อย โดยเฉพาะในส่วนของ TTW ที่ตั้งเป้าจ่ายน้ำประปา 3.1-3.2 แสนลบ.ม./วันในปีนี้

นายสมโพธิ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการจ่ายน้ำประปาในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร และ จ.นครปฐม ซึ่ง TTW รับหน้าที่จ่ายน้ำอยู่นั้น ภาคครัวเรือนมียอดใช้น้ำเพิ่มขึ้นประมาณ 18-19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมใช้ลดลงกว่า 2% แต่เมื่อเฉลี่ยยอดใช้น้ำรวมแล้วลดลงไป 2%

อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 2/52 น่าจะออกมาสดใสเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าการจ่ายน้ำประปาเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/51 จะลดลงไปประมาณ 2% แต่ในแง่รายได้เพิ่มขึ้น และน่าจะดีกว่าไตรมาส 1/52 ซึ่งกำไรตกไป เพราะมีค่าใช้จ่ายจากการออกหุ้นกู้เละค่าธรรมเนียมที่จ่ายหนี้ก่อนครบกำหนดชำระ ประมาณ 20 ล้านบาท

นายสมโพธิ ยังกล่าวถึง แผนจัดตั้งโรงงานผลิตสารส้มว่า ผลศึกษาน่าจะออกมาในสิ้น มิ.ย.นี้ หลังจากนั้นจะพิจารณากันก่อนว่าถ้าโครงการมีแนวโน้มดีหรือใหม่ ก่อนจะนำเสนอคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป

ส่วนแผนงานขยายธุรกิจการผลิตน้ำประปาในต่างประเทศนั้น บริษัทกำลังคัดเลือกที่ปรึกษาให้เข้ามาศึกษาตลาดในต่างประเทศ เพราะบริษัทต้องการมีข้อมูลในมือให้พร้อมก่อนไปรับงานจริง ทั้งนี้ คาดว่าภายในสิ้นปีนี้น่าจะได้ผลการศึกษา และหากผลการศึกษาระบุว่าไม่คุ้มค่ากับการลงทุนก็จะพับแผนไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ