นายอัศวิน ชินกำธรวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม (TIES) เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทจะพยายามประคองธุรกิจภายใต้ปัจจัยกดดันไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจและการเมืองทำให้ปริมาณงานที่น้อยลง และงานที่บริษัทประมูลได้มีการชะลอการลงทุน แม้ว่าราคาวัสดุก่อสร้างในขณะนี้เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ
ดังนั้น บริษัทจึงปรับลดเป้ารายได้ในปีนี้ลงเหลือ 1.3 พันล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 1.4 พันล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมี Backlog 2,071.19 ล้านบาท โดยไตรมาส 2/52 จะรับรู้รายได้ประมาณ 905 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการเข้าประมูลอีก 3 โครงการ มูลค่า 500 ล้านบาท และบางโครงการจะไปรับรู้ฯ ในปีหน้า ซึ่งเบื้องต้นปีหน้าจะมีการรับรู้ฯ 303.49 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยและมีปัจจัยกดดัน แต่บริษัทจะพยายามทำให้ขาดทุนน้อยลงหรือเสมอตัว จากปี 51 ที่ขาดทุน 58.4 ล้านบาท โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้กลยุทธปรับวิธีดำเนินธุรกิจด้วยการหันมารับงานที่หลากหลายนอกเหนือจากงานโรงงาน โดยหันมารับงานด้านโลจิสติก ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)ที่ดี 8-10% โดยขณะนี้ได้ลูกค้ารายใหญ่ อย่าง บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ และ บมจ.ซีพีออลล์ รวมมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท, โรงพยาบาล ซึ่งมีมาร์จิ้น 10%
นอกจากนี้ บริษัทได้เพิ่มสภาพคล่องโดยที่ผ่านมามีการเพิ่มทุน 100 ล้านหุ้น ราคา 0.50 บาท/หุ้น เมื่อเดือน พ.ค.52 เพื่อแก้ไขสถานะการเงินที่ย่ำแย่ และสามารถผ่านวิกฤตในช่วงที่ผ่านมาได้ ซึ่งทำให้บริษัทดีขึ้น และยังมองโอกาสแจกวอแรนต์อีก จำนวน 117 ล้านหน่วย ราคา 1.20 บาท ในเดือนก.ย. ซึ่งหวังว่าผู้ถือหุ้นจะใช้สิทธิในการแปลงสภาพวอแรนต์หมด และจะทำให้บริษัทมีเงินเข้ามา 140 ล้านบาท ก็จะทำให้สามารถแข่งขันและรับงานใหม่ๆ เข้ามามากขึ้น
"ผมมีหน้าที่ในการบริหารให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤต ผมไม่สนใจว่าใครคิดยังไง หรือการออกวอแรนต์ แต่ต้องทำเพื่อให้สถานะของบริษัทดีขึ้น ซึ่งหากตลาดหลักทรัพย์จะตรวจสอบการซื้อขายหุ้นก็พร้อมจะให้ตรวจสอบ เพราะผมมีหน้าที่แค่บริหาร ไม่ได้เข้าไปยุ่งเรื่องหุ้น"นายอัศวิน กล่าว
นายอัศวิน กล่าวถึงการเพิ่มทุนในช่วงที่ผ่านมา ยอมรับว่าทำให้สภาพคล่องของบริษัทดีขึ้น ได้ฐานทุนที่ใหญ่ขึ้น และยังเป็นการเพิ่มช่องทางการทำธุรกิจในอนาคต ซึ่งอาจจะเห็นการร่วมธุรกิจกับผู้ถือหุ้นใหม่ก็ได้ โดยเบื้องต้นผู้ถือหุ้นใหม่หางานมาบริษัทเรื่อยๆ