ทริสจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ใหม่ CK ที่ BBB+ เปลี่ยนแนวโน้มเป็น Negative

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 9, 2009 16:51 —SMS: IQ ข่าวหุ้น

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของ บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เป็น “Negative" หรือ “ลบ" จาก “Stable" หรือ “คงที่" ซึ่งสะท้อนถึงโครงสร้างทางการเงินที่มีสัดส่วนหนี้ในระดับสูงและความท้าทายในการสร้างกระแสเงินสดเพื่อชำระคืนหนี้และลงทุนในโครงการสัมปทาน

ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ชุดปัจจุบันของบริษัท ช. การช่าง ที่ระดับ “BBB+" พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1,400 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “BBB+" โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่และจากหุ้นกู้มูลค่า 2,500 ล้านบาทที่ออกไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ไปใช้เป็นทุนสำรองในการไถ่ถอนหุ้นกู้มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาทในช่วงปลายปีนี้

อันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทย ผลงานที่เป็นที่ยอมรับในโครงการก่อสร้างภาครัฐและโครงการที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และความสามารถในการสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอจากการลงทุนในกิจการสัมปทาน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่บั่นทอนอันดับเครดิตบางส่วน ได้แก่ ภาระหนี้ที่สูงจากการลงทุนในกิจการสัมปทาน จำนวนโครงการก่อสร้างที่ยังไม่ส่งมอบ (Backlog) ที่กระจุกตัว ความเสี่ยงจากสัญญาก่อสร้างแบบคงที่ (Fixed-price Contract) และแรงกดดันต่อผลกำไรจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้าง

เนื่องจากแนวโน้มอันดับเครดิต “Negative" หรือ “ลบ" อันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของบริษัท ช. การช่างอาจถูกปรับลดลงหากบริษัทไม่สามารถสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุนให้ได้ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า ในขณะเดียวกัน แนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับกลับมาเป็น “Stable" หรือ “คงที่" หากบริษัทประสบความสำเร็จในการเพิ่มปริมาณงานรับเหมาก่อสร้างด้วยอัตราส่วนกำไรที่เหมาะสมซึ่งจะช่วยเสริมสร้างกระแสเงินสดให้แข็งแกร่งได้ในระยะปานกลาง พร้อมทั้งแสดงความสามารถในการลดสัดส่วนหนี้สินได้อย่างมีนัยสำคัญ

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัท ช. การช่างเป็นหนึ่งในผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่จำนวน 3 รายของประเทศ บริษัทมีประสบการณ์ด้านการก่อสร้างที่หลากหลายตั้งแต่งานโยธาโครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงโครงการที่มีความซับซ้อนสูง ประสบการณ์ที่หลากหลายดังกล่าวเมื่อรวมกับการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำจากต่างประเทศยิ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจให้แก่บริษัท ณ เดือนมิถุนายน 2552 บริษัทมีงานรับเหมาก่อสร้างที่ยังไม่ส่งมอบมูลค่าประมาณ 7.8 พันล้านบาท โดยเกือบครึ่งหนึ่งเป็นของโครงการเขื่อนน้ำงึม 2 ทั้งนี้ มูลค่าของงานที่ยังไม่ส่งมอบของบริษัทคาดว่าจะเพิ่มขึ้นหลังการลงนามในสัญญาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง สัญญาที่ 1 ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 14,842 ล้านบาท

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ธุรกิจสัมปทานของบริษัท ช. การช่างครอบคลุมโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานหลายประเภท ได้แก่ ทางด่วน รถไฟฟ้าใต้ดิน น้ำประปา และไฟฟ้า โดย ณ เดือนมีนาคม 2552 เงินลงทุนรวมในกิจการสัมปทานประกอบด้วย การถือหุ้นใน บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BECL) จำนวน 16.6% ใน บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BMCL) 24.6% ใน บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด (SEAN) 38.0% และใน บริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) (TTW) 35.3% บริษัทมีกระแสเงินสดประจำในรูปของเงินปันผลจากการลงทุนใน BECL และ TTW ซึ่งช่วยลดความผันผวนจากรายได้ที่มาจากธุรกิจก่อสร้าง ส่วนโครงการเขื่อนน้ำงึม 2 ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของ SEAN นั้นยังอยู่ในช่วงการก่อสร้างและคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ภายในปี 2554 ในขณะที่ผลประกอบการที่ขาดทุนจาก BMCL ยังคงเป็นปัจจัยลบต่ออันดับเครดิตของบริษัท

ฐานะทางการเงินของบริษัทยังคงได้รับแรงกดดันจากอัตราส่วนหนี้ที่อยู่ในระดับสูงและความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่อยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากเงินที่ใช้ในการลงทุนในโครงการสัมปทานต่างๆ ของบริษัทส่วนใหญ่เป็นเงินกู้ยืม จึงส่งผลให้ภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สภาพคล่องได้รับแรงหนุนบางส่วนจากการถือครองหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องดีจำนวนมาก ทริสเรทติ้งยังคงกังวลเกี่ยวกับภาระผูกพันทางการเงินของบริษัทในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับการซื้อเครื่องจักร การให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทลูกในฐานะผู้ถือหุ้น และโครงการลงทุนในสัมปทาน ซึ่งเป็นข้อจำกัดของบริษัทในการพยายามลดภาระหนี้ในระยะปานกลาง ความสามารถในการก่อหนี้เพิ่มยังมีข้อจำกัดจากข้อกำหนดสิทธิในการรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นให้อยู่ในระดับไม่เกิน 2.5 เท่า โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2552 บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 2.4 เท่า นอกจากนี้ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ความเสี่ยงทางการเงินของบริษัทยังคาดว่าจะอยู่ในระดับสูงจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ