บมจ.ซีฟโก้(SEAFCO)เดินหน้าเข้าประมูลงานในประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาปริมาณงานในมือ(backlog)ให้มีงานทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องข้ามปี โดยอยู่ระหว่างรอผลประมูลงานที่ยื่นไปราว 300-400 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้งานไม่ต่ำกว่า 40-50% พร้อมเตรียมคุยผู้ชนะประมูลงานรถไฟฟ้าทุกสีทุกเส้นทางหวังมีเอี่ยวงานเสาเข็มเจาะ ขณะที่งานต่างประเทศขอพับรอจังหวะฟื้นใหม่ในปี 53
"เราก็เชื่อมั่นว่าถึงสิ้นปี 52 Backlog ก็ยังมีข้ามปีอยู่ดี และในปริมาณที่มากพอสมควร เพราะดูแล้วตอนนี้ผมดูสภาพเศรษฐกิจน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว"นายณรงค์ กล่าว
นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ รองประธานกรรมการ SEAFCO กล่าวว่า บริษัทยังคงประมาณการณ์รายได้ปีนี้ โดยพยายามทำรายได้ให้เท่ากับปี 51 ที่ 1.6 พันล้านบาท ด้วยการเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่ๆ เพิ่มเติม จากก่อนไตรมาส 1/52 ตัวเลขงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท
แต่ในช่วงไตรมาสแรกของปีมีการส่งมอบงานและรับรู้รายได้ไปแล้วประมาณ 400 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันยอด Backlog เหลืออยู่ 1.9 พันล้านบาท ซึ่งตัวเลขจำนวนนี้จะรับรู้ฯ ทั้งในปีนี้และปีหน้า เนื่องจากมีงานบางโครงการที่เป็นงานถนน งานโยธา เช่น ทางลอดศรีนครินทร์ และถนนพระยาสุเรนทร์ ตอน 2 ที่จะไปแล้วเสร็จในปีหน้า
"โดยธรรมชาติงานโยธาจะข้ามปีอยู่แล้ว แต่พวกงานเสาเข็มจะทยอยหมดไป แต่เราก็ต้องหาเข้ามาทดแทนเรื่อยๆ หรือไม่งั้นก็ต้องหางานประเภทโยธาเข้ามาเพิ่มเติม"นายณรงค์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ขณะนี้ SEAFCO มีงานที่รอผลประมูลงานใหม่ ที่ส่วนใหญ่เป็นงานเสาเข็มเจาะ ซึ่งมูลค่าไม่มากนักประมาณ 300-400 ล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าน่าจะได้งานประมาณ 40-50% แต่ยังบอกรายละเอียดไม่ได้เนื่องจากยังไม่ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ เพราะต้องรอเอกสารยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจบไตรมาส 2/52 ซึ่งจะทำให้ตัวเลข Backlog กลับมาใกล้เคียง 2.3 พันล้านบาทอีกครั้ง
นายณรงค์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังคาดหมายว่าจะได้มีส่วนในงานโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าทุกเส้นทาง โดยยืนยันที่จะเข้าร่วมดำเนินการในส่วนของเสาเข็มเจาะของรถไฟฟ้าทุกสีและทุกสาย ไม่ว่าใครจะได้งานมาและมีงานที่ส่วนที่เป็นเสาเข็มเจาะ บริษัทก็จะเข้าไปเจรจาเพื่อขอเข้าร่วมรับงานด้วย ซึ่งบริษัทมีความพร้อมอยู่แล้ว
"ไม่ว่าใครจะได้งานมาเราก็จะเสนอราคาไปทำงานเสาเข็มเจาะให้เขา แต่สำหรับสายสีม่วงคงมีเฉพาะสัญญาที่ 3 เราคงไม่ได้ทำ เพราะตรงนั้นมันเป็นงานเสาเข็มตอก ซึ่ง SEAFCO เราไม่ได้ทำอยู่แล้ว ส่วนสัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 2 เป็นเสาเข็มเจาะ แต่เราต้องรอดูว่าใครจะได้แล้วค่อยไปคุยรายละเอียด...ต้องให้ผู้รับเหมาได้งานมาก่อนจึงจะไปยื่นเสนอราคา แต่เราพร้อมเรื่องเครื่องมืออยู่แล้ว"นายณรงค์ กล่าว
สำหรับงานต่างประเทศที่บริษัทได้ชะลอไปตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งกระทบกับงานก่อสร้างทั่วโลก รวมทั้งในประเทศสิงคโปร์ที่บริษัทได้เริ่มเข้าไปตั้งฐานธุรกิจร่วมกับพันธมิตรเพื่อรับงานในช่วงปีที่แล้ว แต่ขณะนี้ได้นำเครื่องมือกลับมาแล้ว โดยบริษัทคาดว่าจะรอให้ผ่านช่วงปีนี้ไปก่อน และจะพิจารณาทิศทางธุรกิจต่างประเทศที่ชัดเจนอีกครั้งในปี 53
"ผมว่าตอนนี้ต่างประเทศได้รับผลกระทบหนักกว่าเรามาก ปีหน้าเราค่อยมาดูอีกที อย่างประเทศสิงคโปร์ที่เราขนย้ายเครื่องมือกลับมา เราต้องดูอีกทีว่าปีหน้าสภาพเค้าเป็นยังไง"นายณรงค์ กล่าวเสริมตอนท้าย
ราคาหุ้น SEAFCO อยู่ที่ 3.62 บาท เพิ่มขึ้น 0.28 บาท +8.38% เมื่อ 14.44 น.มูลค่าการซื้อขาย 20.85 ล้านบาท