บมจ.ระยองเพียวริฟาย(RPC)เปิดเผยว่า รายได้จากไบโอดีเซลคาดว่าช่วยผลักดันให้รายได้รวมของบริษัทในปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นมาที่ 2.23 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 2.2 หมื่นล้านบาท แต่ยังกังวลความผันผวนของราคาน้ำมันในช่วงครึ่งปีหลังที่อาจจะมีผลกระทบต่อกำไร จึงจะเน้นการบริการสต็อกให้ดีที่สุด ขณะที่สนใจการลงทุนผลิตกลีเซอรีนในอนาคตระยะยาว เพื่อต่อยอดโครงการผลิตไบโอดีเซล ภายใต้บริษัทย่อยคือ เพียวไบโอดีเซล คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่มาก
นายศุภพงศ์ กฤษณกาญจน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร RPC กล่าวว่า รายได้ส่วนที่เติบโตขึ้นในปีนี้จะมาจากบริษัทมลูก คือ เพียวไบโอดีเซล ที่คาดว่าจะมีรายได้ 1.25 พันล้านบาท ขณะที่ธุรกิจน้ำมันยังคงคาดการณ์ว่าจะทำรายได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 2.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันยังมีความผันผวนสูง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมั่นใจว่าจะมีกำไร เนื่องจากมีต้นทุนน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 40 เหรียญ/บาร์เรล และปัจจุบันราคาน้ำมันปรับขึ้นไปถึง 70 เหรียญ/บาร์เรล แต่ช่วงครึ่งปีหลังบริษัทกังวลว่าจะเกิดสถานการณ์ราคาน้ำมันปรับลดลงอย่างรุนแรงเหมือนช่วงครึ่งหลังของปีก่อน แม้ว่าจะไม่ผันผวนมากเท่าก็ตาม ดังนั้น บริษัทก็จะเน้นการบริหารสต็อกน้ำมันให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
"หากปีนี้ครึ่งปีหลังราคาน้ำมันหักหัวลงอีก ก็คงไม่ส่งผลกระทบรุนแรงเหมือนปีก่อน เพราะปีก่อนขึ้นไปพีคถึง 140 เหรียญ แต่ปีนี้คงพีคไม่ถึง ก็เป็นเรืองยากนะที่จะคาดการณ์ครึ่งปีหลังว่าบริษัทจะขาดทุนจากสต็อกน้ำมันหรือไม่ เราต้องพยายามบริหารสต็อกให้ดีที่สุด เพื่อให้เกิดผลขาดทุนน้อยที่สุด" นายศุกพงศ์ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมีภาระสำรองน้ำมันตามกฎหมายราว 30 ล้านลิตร ขณะที่โรงกลั่นระยองเพียว กำลังการผลิต 1.7 หมื่นบาร์เรล/วัน ผลิตได้ 1.2 หมื่นบาร์เรล/วัน คาดว่าทั้งปีจะเฉลี่ยที่ระดับนี้ ถือว่าเป็นระดับที่เหมะสมกับการขาย
นายศุภพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้ตัดสินใจชะลอการลงทุนต่างประเทศออกไปอย่างไม่มีกำหนดทั้งที่เวียดนาม กัมพูชา และลาว แม้บริษัทยังมองโอกาสการลงทุนต่อเนื่อง แต่ยังจะไม่มีการลงทุนในอนาคตอันใกล้จนกว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวอย่างชัดเจน ซึ่งหากจะมีการลงทุนก็จะเป็นการลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจไบโอดีเซล โดยบริษัทศึกษาที่จะผลิตกรีเซอลีน ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ได้จากการผลิตไบโอดีเซล คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่มาก เพราะเป็นการต่อยอดการผลิตไบโอดีเซล
โรงงานเพียวไบโอดีเซล มีกำลังการผลิตประมาณ 3 แสนลิตร/วัน แต่เบื้องต้นใช้กำลังการผลิตเพียง 50% คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะเพิ่มเป็น 75% และปีหน้าจะเพิ่มเป็น 85% ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบปาล์ม โดยขณะนี้ราคาปาล์มในตลาดอยู่ที่ประมาณ 28 บาท/กก.ถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสม ไม่สูงมากนัก แต่ยังมีความกังวลว่าอนาคตการบริหารจัดการระบบการผลิตปาล์มจะไม่มีประสิทธิภาพ ก็จะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตไบโอดีเซล
สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ได้ร่วมทุนกับทาง บมจ.สัมมากร ภายใต้บริษัท เพียวสัมมากร ดีเวลลอบเม้นท์ จำกัด อยู่ระหว่างการสรุปงบประมาณลงทุนในโครงการศูนย์การค้าครบวงจรเพียวเพลส หน้าหมูบ้านสัมมากร ถนนรามคำแหง 110 คาดว่าบริษัทจะใช้งบลงทุนราว 350 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดต่อสถาบันการเงินเพื่อขอสินเชื่อ ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)เพิ่มเป็น 2.5 เท่า