นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ประเมินหุ้น บมจ.การบินไทย (THAI) ยังได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเพราะน้ำมันถือเป็นต้นทุนหลักถ้าปรับขึ้นก็จะกระทบต่อผลกำไรแต่ THAI มีการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมัน ซึ่งการปรับขึ้นทำได้ค่อนข้างเร็ว จากก่อนหน้านี้เหมือนช้าก็ต้องแบกรับ cost ไปได้ส่วนหนึ่งจึงมองได้ว่าน้ำมันขึ้นส่วนหนึ่งยังคงสามารถผลักภาระไปให้กับผู้โดยสารได้ แต่มีปัญหาด้วยว่าเมื่อผลักภาระค่าธรรมเนียมฯไปแล้วค่าใช้จ่ายการเดินทางก็จะสูงขึ้น ก็จะไปกระทบยอดผู้โดยสารด้วย ยังไงการปรับตัวขึ้นของน้ำมันก็ยังคงเป็นปัจจัยลบอยู่ดี
ส่วนเรื่องไข้หวัด 2009 ทำให้การเดินทางมาบ้านเรานักท่องเที่ยวก็คงไม่มีความมั่นใจมากขึ้นเพราะยิ่งมีข่าวว่าไต้หวันมาติดไข้หวัดจากเราก็ดูไม่ดีมองภาคการท่องเที่ยวก็ได้รับผลกระทบแนะ"ถือ"ให้ 15.30 บาท
บล.เกียรตินาคิน ให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธุรกิจการบินเป็น Underweight ภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยกระทบอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมทั้งอุตสาหกรรมการบินในช่วงที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตั้งแต่เดือน เม.ย.—ก.ย.52 จะเข้าสู่ช่วง Low Season ทำให้ตัวเลขจำนวนผู้โดยสาร จำนวนเที่ยวบิน รวมทั้งธุรกิจให้บริการเติมน้ำมันเครื่องบินปรับตัวลดลง ในเดือน เม.ย.—พ.ค.52 ประเด็นดังกล่าวจะเป็นปัจจัยลบต่อผลการดำเนินงานของ THAI และ BAFS ใน Q2/52 และ AOT ใน Q3/52
AOT แนะ"ขาย"เนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการ H2/52 (เม.ย.—ก.ย.52) ที่คาดว่าจะอ่อนตัวลดลง
THAI แนะ"ถือ"เนื่องจากความกังวลต่อสภาพคล่องของบริษัทลดลง แนวโน้มผลประกอบการปี 2552 กลับมามีกำไรอีกครั้งจากต้นทุนน้ำมันที่ลดลง แต่ธุรกิจยังมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
BAFS แนะ"ถือ"แม้ว่าผลประกอบการปี 52 อ่อนตัวลงตามภาวะอุตสาหกรรม แต่ยังมีปันผลปีละ 2 ครั้ง โดยเราคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในปี 2552 จะอยู่ที่ 5.3%
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 10.42 น.
THAI อยู่ที่ 14.20 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
AOT อยู่ที่ 28.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท (+1.79%)
BAFS อยู่ที่ 6.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง