CENTEL คาดกำไรไม่ต่ำกว่าปีก่อน หลัง Q1 ธุรกิจดีเกินคาด-เชื่อ Q4 ฟื้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 23, 2009 12:03 —SMS: IQ ข่าวหุ้น

บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา(CENTEL)หวังผลกำไรปีนี้ไม่เลวร้ายกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 323.8 ล้านบาท หลังจากรายได้ธุรกิจโรงแรมในไตรมาส 1/52 ออกมาดีกว่าคาด และมีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วงปลายไตรมาส 3/52 และไตรมาส 4/52 ส่วนไตรมาส 2/52 แม้ว่ายอดจองจะลดลงบ้าง แต่ไม่มากอย่างที่กังวล ขณะที่คาดว่าทั้งปียอดเข้าพักยังทรงตัวได้จากปีก่อนที่มีอัตรา 63-64% รวมทั้งมีรายได้รับบริหารโรงแรมเสริมเข้ามาอีกราว 70 ล้านบาท จากปีก่อนมี 40 ล้านบาท และเตรียมรับบริหารโรงแรมนอกประเทศมากขึ้นอีก

ส่วนการออกหุ้นกู้ เตรียมเสนอขายวงเงินไม่เกิน 2 พันล้านบาทช่วงกลางถึงปลายเดือน ก.ค.นี้ ส่วนการขยายกองทุนอสังหาริมทรัพย์จากปัจจุบัน 3.2 พันล้านบาท คาดว่าจะสรุปได้ในปลายไตรมาส 3 หรือ ต้นไตรมาส 4 ปีนี้

"ถ้าดูไตรมาส 1 ซึ่งเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของธุรกิจโรงแรม แต่ทุกโรงแรม drop หมด ฉะนั้นโอกาสผลการดำเนินงาน ดูแล้วทั้งปี ทางกลุ่มเราเทียบกับอุตสาหกรรม หรือเทียบกับโรงแรมอื่น ผมว่าหลายคน surprise ดีกว่าที่เขาคาดไว้"นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายบริหารและการเงิน CENTEL กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

CENTEL ระบุว่าไตรมาส 1/52 มีรายได้ 2.2 พันล้านบาท กำไรต่อหุ้น 125.06 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้คาดว่ารายได้จะออกมาต่ำกว่านี้ เนื่องจากผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกเกิดวิกฤติและภายในประเทศเกิดการประท้วงทางการเมืองด้วยการปิดสนามบินสุวรรณภูมิในช่วงปลายไตรมาส 4/52

นายรณชิต กล่าวว่า ไตรมาสแรกปีนี้ CENTEL มีอัตราเข้าพักอยู่ที่ 66.7% เป็นอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ส่วนไตรมาส 2/52 คาดว่าอัตราเข้าพักน่าจะอยู่ที่ประมาณ 55% ถือว่าปรับลงไม่มาก โดยจุดคุ้มทุนของบริษัทจะอยู่ที่ประมมณ 35-40% และคาดว่าอัตราเข้าพักจะค่อยๆ ดีขึ้นในไตรมาส 3/52 และในไตรมาส 4/52 คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้น

"เรามองว่าเศรษฐกิจจะเริ่ม pick up ราวๆ ปลายๆไตรมาส 3 หรือไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วง high season ของโรงแรม ก็น่าจะดีขึ้นสำหรับธุรกิจโรงแรม ถ้าเผื่อไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันทั้งภายในภายนอกประเทศ" นายรณชิตกล่าว

*ลุยรับบริหารโรงแรมเพิ่มเป็น 10 แห่งเสริมรายได้

นายรนชิต กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ทั้งปี 52 เติบโต 0-8% จากปีก่อนที่มีรายได้ 8.2 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับลดลงจากเป้าหมายเดิมที่ 8-10% โดยบริษัทคาดหวังว่าหากไตรมาส 4/52 ธุรกิจกระเตื้องขึ้นก็น่าจะทำให้ปีนี้มีอัตราเติบโตได้บ้าง แต่หากเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นก็ยังมีรายได้จากการบริหารโรงแรมเข้ามาชดเชย

ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทรับบริหารโรงแรมจำนวน 5 แห่ง เป็นโรงแรมในประเทศ 1 แห่ง และในอินเดีย 1 แห่ง เพิ่มจากเดิมที่ฝ่ายบริหารคาดว่าในระยะแรกจะรับบริหาร 4 แห่ง และทั้งปียังคาดว่าจะรับบริหารโรงแรมเพิ่มเป็น 10 แห่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจา น่าจะสรุปได้ในไตรมาส 3/52 และไตรมาส 4/52 ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมในประเทศ โดยจะใช้แบรนด์"CENTARA"

"เรามี aim ที่จะเน้นบริหารโรงแรมต่างประเทศมากขึ้น อาจจะมีจัดทีมงาน ซึ่งผมว่าในอนาคตอาจจะมีแถลงข่าวถึงกลยุทธ์ของเราว่าต่อไปนี้เราจะดำเนินการอย่างไร การบริหารโรงแรมไม่ต้องลงทุน และค่าบริหารเป็นกำไรเนื้อๆ ยิ่งเราบริหารโรงแรมหลายแห่ง เราก็จะมี network ทั่วโลก ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด โฆษณา ถูกลงเมื่อเฉลี่ยต่อโรงแรม และเวลาจัดโปรโมชั่น เราก็มีทางเลือกให้ลูกค้าเยอะ"นายรณชิต กล่าว

นายรณชิต คาดว่า ในปีนี้รายได้จากการบริหารโรงแรมจะเพิ่มเกือบเท่าตัวเป็นประมาณ 70 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 40 ล้านบาท

ส่วนธุรกิจอาหาร คาดว่าปีนี้รายได้จะทรงตัวจากปีก่อน เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก ทำให้กำลังซื้อลดลง และล่าสุดได้เข้าเทคโอเวอร์กิจการเฟรนไชส์"Beard Papa's"และเตรียมเจรจาซื้อเฟรนไชส์ใหม่อื่นเพิ่มขึ้นอีก

ในปี 52 คาดว่าโครงสร้างรายได้จากธุรกิจอาหารจะลดลงมาอยู่ที่ 52% จาก 58% ในปีก่อน ขณะที่ธุรกิจโรงแรมจะปรับขึ้นมาเป็น 48% จากปีก่อนอยู่ที่ 42% โดยปีนี้โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ จะรับรู้รายได้เต็มปี

*เสนอขายหุ้นกู้ ก.ค./สรุปขยายกองทุนอสังหาฯปลาย Q3

นายรณชิต กล่าวว่า บริษัทยื่นไฟลิ่งกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เพื่อเสนอขายหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 2 พันล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ คาดว่าเสนอขายได้ในช่วงกลางเดือนถึงปลายเดือนก.ค.นี้ โดยผ่านธนาคารกรุงศรีอยุธยาและธนาคารสแตนดาร์ชาร์ตเตอร์

บริษัทจะนำเงินที่ได้เข้ามารีไฟแนนซ์ตั๋ว B/E และ ตั๋ว P/N ที่มีอายุสั้นราว 3-6 เดือน เพื่อยืดอายุหนี้ออกไปและส่วนหนึ่งจะนำไปลงทุนในโครงการที่ จ.ภูเก็ต

"เราคิดว่าระดมโดยใช้ bond น่าจะเป็นทางเลือกหนึ่ง จะให้ต้นทุนการเงินลดต่ำลง เพราะเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ ปัจจุบันเราก็มีต้นทุนต่ำอยู่แล้วที่ 3.80% ในไตรมาส 1/52 แต่มองว่าดอกเบี้ยคงจะขยับขึ้น เพราะเศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นไปเรื่อยๆ" นายรณชิต กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีวงเงินกู้สำหรับลงทุนใหม่ 5.9 พันล้านบาท อายุ 8-9 ปีจาก 3 ธนาคาร โดยเบิกไปแล้ว 2.3 พันล้านบาทใช้ลงทุนในโรงแรมแซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ที่คืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอน ส่วนที่เหลือ 3.6 พันล้านบาทจะใช้ลงทุนในโรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา และ โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท ภูเก็ต

สำหรับกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา(CTARAF) บริษัทอยู่ระหว่างหารือว่าจะนำโรงแรมแห่งไหนขายเป็นสินทรัพย์ของกองทุนดังกล่าว พร้อมทั้งพิจารณาภาวะตลาดว่าจะเอื้ออำนวยหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีโรงแรมของรายอื่นสนใจเข้าร่วมในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท ซึ่งกำลังเจรจากันอยู่ ทั้งนี้ คาดว่าปีนี้น่าจะนำโรงแรมขายให้กับกองทุนได้ 1 แห่ง จากปัจจุบันมีขนาดทรัพย์สิน 3.2 พันล้านบาท

"ภาวะตลาดแบบนี้ บางทีเจ้าของก็มองว่าเข้าไปก็ยังไม่ได้ราคา ก็ต้องรอกันไป...ใกล้ๆปลายไตรมาส 3 ต้นไตรมาส 4 น่าจะมองเห็นว่าน่าจะนำโรงแรมไหนเข้ากองทุนฯบ้าง ขอเวลาอีกนิดหนึ่ง"นายรณชิต กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนขยายกองทุน CTARAF เป็น 1 หมื่นล้านบาทในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ