โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ยังแนะ"ซื้อ"หุ้นธนาคารไทยพาณิชย์(SCB)มองปัจจัยพื้นฐานดี เพราะเป็นแบงก์ที่มีการจัดการความเสี่ยงและมีการควบคุมต้นทุนที่ดีในยามที่เศรษฐกิจไม่ดี พร้อมคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯด้วย แต่คงจะเห็นผลชัดในปีหน้า(2553)
ทั้งนี้ โบรกเกอร์หลายรายคาดการณ์กำไรสุทธิของ SCB ในปีนี้(2552)ไว้ที่ 1.81-2.14 หมื่นล้านบาท ซึ่งอาจจะลดลงหรือใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ส่วนการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้โบรกมีมุมมองต่างกันแต่อยู่ในช่วง 0.7-5% แทียบกับปีที่แล้วที่เติบโต 5.6% โดยช่วง 5 เดือนแรกสินเชื่อยังคงติดลบอยู่ 3-5% ขณะที่ NPL น่าจะอยู่ในเป้าหมายที่ 5% ใกล้เคียงกับปีก่อน และในช่วงไตรมาส 1/52 ตัวเลข NPL ก็อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเป้า
SCB เป็นหุ้น high beta เมื่อไรที่ตลาดปรับตัวขึ้นหุ้นตัวนี้จะขึ้นตามไปด้วย และยังคงเป็นที่นิยมเข้ามาลงทุนของนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศ
ส่วนวันนี้(24 มิ.ย.)ราคาหุ้น SCB ปรับตัวขึ้นมองว่าเป็นแค่เทคนิคเคิลรีบาวน์เท่านั้น
ล่าสุดราคาหุ้น SCB ปิดเทรดช่วงเช้าวันนี้ที่ 73.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท(+3.87%)มูลค่าซื้อขาย 377.57 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 71.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 74 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 71.25 บาท
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ซื้อ 82 บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ซื้อ 67.20 BNP Paribar ซื้อ 90 บล.โกลเบล็ก อ่อนตัวซื้อ 64 บล.ทิสโก้ ขาย 58 บล.เอเชีย พลัส ถือ 84
นางสาวสุกัญญา อุดมวรนันท์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)เปิดเผยว่า หุ้น SCB มีพื้นฐานที่ดีทั้งในส่วนของโครงสร้างรายได้และภาพธุรกิจ รวมทั้งคุณภาพสินทรัพย์ถือว่ายังใช้ได้ ซึ่งหุ้น SCB เป็น high beta ถ้าเมื่อไรตลาดฯปรับขึ้นหุ้นตัวนี้ก็จะขึ้นตามไปด้วย
สำหรับการขยายของสินเชื่อของ SCB ปีนี้คงจะไม่ให้น้ำหนักเท่าไรนัก เพราะเชื่อว่าสินเชื่อจะชะลอตัวลงเช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์อื่น อย่างไรก็ดี มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯยังน่าจะส่งผลดีต่อ SCB โดยปีนี้คาดการณ์กำไรสุทธิของ SCB ไว้ที่ 20,000 ล้านบาทเศษ ลดลงจากปีที่แล้ว(2551)ที่ทำกำไรสุทธิได้ 21,000 ล้านบาท
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการส่วนวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์การลงทุน บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)กล่าวว่า SCB เป็นแบงก์ที่บริหารจัดการความเสี่ยงและมีการควบคุมต้นทุนที่ดีในยามที่เศรษฐกิจอยู่ในทิศทางที่ไม่ดีนัก และการที่ราคาหุ้น SCB วันนี้ปรับตัวขึ้นมองว่าเป็นแค่เทคนิคเคิลรีบาวน์เท่านั้น
ทั้งนี้ ได้คาดการณ์กำไรสุทธิของ SCB ในปีนี้ไว้ที่ 2.14 หมื่นล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.12 หมื่นล้านบาท ภายใต้คาดการณ์ว่าสินเชื่อใหม่ของ SCB ในปีนี้คงจะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว โดยปีนี้มองว่าสินเชื่อจะเติบโตเพียงแค่ 0.7% เท่านั้น
สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯแม้ว่าจะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มแบงก์ แต่มองว่ากว่าจะเห็นผลชัดเจนก็น่าจะเป็นปีหน้า(2553)ซึ่งอย่างเร็วที่สุดปลายปีนี้อาจจะได้เห็นผลบ้างเล็กน้อย
น.ส.อุษณีย์ ลิ่วรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า สาเหตุที่แนะนำ"ถือ"หุ้น SCB เป็นเพราะว่าช่วงที่ผ่านมาระดับราคาหุ้น SCB ได้ขึ้นไปจนเกินมูลค่าแล้ว ซึ่ง P/B สูงเกือบ 2 เท่า เรียกได้ว่าเต็มมูลค่าแล้ว แต่การที่ราคาหุ้น SCB วันนี้ได้ปรับตัวขึ้นมาได้ มองว่าเป็นแค่การรีบาวน์หลังจากที่ได้ปรับตัวลงไปในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี หุ้น SCB ยังคงเป็นที่นิยมเข้ามาลงทุนของนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้งเป็นแบงก์ขนาดใหญ่ที่น่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯด้วย
แต่ปัจจัยพื้นฐานของ SCB ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยคาดว่าปีนี้กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1.81 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.12 หมื่นล้านบาท ส่วนการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้ก็คาดว่าจะเติบโตประมาณ 5% ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่เติบโต 5.6%
ในส่วนของตัวเลข NPL ทางแบงก์เองก็พยายามจะควบคุมให้อยู่ในเป้าหมายของแบงก์ที่ 5% ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่แล้ว และในช่วงไตรมาส 1/52 ที่ผ่านมาตัวเลข NPL ก็อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายนี้
นายปรเมศร์ ทองบัว ผู้อำนวยการสำนักวิจัย บล.ทิสโก้ แนะ"ขาย"หุ้น SCB และหุ้นแบงก์ตัวอื่น ๆ เนื่องจากราคาปัจจุบันของ SCB ปรับตัวขึ้นมาสูงแล้ว และยังมีประเด็นลบหลัก ๆ จากตัวเลข NPL ที่คาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้(2552)และภาพโดยรวมทางเศรษฐกิจก็ยังไม่ได้ดีมากด้วย
ด้านการขยายตัวของสินเชื่อของ SCB ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้การขยายสินเชื่อยังคงติดลบอยู่ 3-5% แต่ทางฝ่ายวิจัยยังคาดการณ์ว่า SCB น่าจะขยายสินเชื่อในปีนี้ให้เติบโตได้ 3%