นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจมาร์ท กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าวันพรุ่งนี้ที่หุ้น JMART จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรก ราคาจะยืนเหนือราคาจองที่ 1.80 บาท/หุ้น เนื่องจากการกำหนดราคาที่ไม่สูงและยังมีส่วนลดให้กับผู้ลงทุน 16-20% อีกทั้งการเติบโตของบริษัท และการจ่ายปันผลในเดือนกันยายนนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อหุ้น JMART
ทั้งนี้ เชื่อว่าจากนี้ไปบริษัทจะเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะในแง่กำไรสุทธิ เนื่องจากธุรกิจติดตามหนี้ที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันได้มีการซื้อหนี้มาแล้ว 3 พันล้านบาท และตั้งเป้าจะซื้อเพิ่มเป็น 4.5 พันล้านบาทในปีนี้
นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการรับบริหารหนี้ที่จะมีค่าคอมมิชชั่น 20% จากมูลหนี้ 1 หมื่นล้านบาท เช่น หนี้จาก อีซีบาย เอไอเอส ซึ่งธุรกิจดังกล่าวถือว่ามีมาร์จิ้นสูงกว่า 30% สูงกว่าธุรกิจการจัดจำหน่ายมือถือที่มีมาร์จิ้น 12%จากปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะมีกำไรจากธุรกิจติดตามหนี้เพิ่มเป็น 15% ที่เหลือเป็นจัดจำหน่ายมือถือ และธุรกิจอื่นๆ
นอกจากนี้ ในธุรกิจติดตามหนี้ บริษัทมีแผนต่อยอดการดำเนินธุรกิจให้มากขึ้น เพื่อสร้างกำไรเพราะบริษัทต้องรักษาอัตราการเติบโตของกำไรที่ 20% ต่อปี โดยขณะนี้ได้มีแผนซื้อหนี้ประเภทเช่าซื้อบ้านและเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งคาดว่าจะเห็นได้ในปีหน้า ซึ่งการทำธุรกิจดังกล่าวหากมีโอกาสหรือจังหวะที่ดีก็อาจจะต้องเพิ่มทุนเพื่อจะได้มีเงินทุนมารองรับการขยายตัวของธุรกิจ
ทั้งนี้ บริษัทคาดหวังว่า ภายใน 2 ปีข้างหน้า บริษัทจะมีกำไรจากธุรกิจติดตามหนี้ 30%
"เท่าที่เราดู ธุรกิจติดตามหนี้จะเป็นตัวสร้างกำไรให้เราอย่างมากในปีนี้จากปีก่อนที่ธุรกิจ Drop ลงอยน่างมาก โดยเท่าที่เรารู้ตอนนี้หนี้ในตลาดมีมากกว่า 1 แสนล้านบาท ได้แค่ 10-20% ของตลาดก็พอแล้ว"นายอดิศักดิ์ กล่าว
สำหรับปีนี้มั่นใจว่าจะมีกำไรมากกว่าปีก่อนที่มีกำไรสทธิ 97 ล้านบาท โดยหลักๆ มาจากธุรกิจติดตามหนี้ และจัดจำหน่ายหนี้