แหล่งข่าวจาก บมจ.ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น(TCC)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทจะเริ่มนำเข้าถ่านหินมาจำหน่ายเต็มที่ได้ตั้งแต่ปลายไตรมาส 3/52 ถึงต้นไตรมาส 4/52 หลังจากโรงคัดแยกและจัดเก็บถ่านหินที่จังหวัดเพชรบุรีแล้วเสร็จ ซึ่งล่าช้ากว่าเดิมที่กำหนดไว้ในไตรมาส 1/52
"Transactions ของเราช่วงเริ่ม 1-2 ปีแรกยังไม่เยอะมาก ส่วนปริมาณนำเข้าจะเป็นเท่าไรนั้นต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างตอนนี้ยังไม่ได้ประเมิน"แหล่งข่าว กล่าว
บริษัทจะยังคงทยอยนำเข้ามาถ่านหินมาเป็นล็อตเพื่อจำหน่ายและเก็บสต็อกไว้ในคลังแห่งใหม่ จากเดิมที่ทยอยนำเข้ามาในจำนวนไม่มากเพื่อรอจำหน่ายออกไปเท่านั้น ซึ่งราคาถ่านหินที่มีแนวโน้มสูงขึ้นย่อมส่งผลดีต่อรายได้ของบริษัทด้วย อย่างน้อยก็จากสต็อกที่มี ส่วนความสามารถในการทำกำไรขึ้นกับจังหวะเวลาและต้นทุนการนำเข้าในแต่ละล็อต โดยราคาจำหน่ายขึ้นกับกลไกตลาด เนื่องจากมีผู้เล่น(player)หลายเจ้า ขณะที่บริษัทไม่ได้รายใหญ่ที่สามารถกำหนดราคาขายได้
"สต็อกราคาต่ำกว่าราคาตลาดหรือไม่นั้นก็แล้วแต่ เป็นช่วงๆ แต่โดยปกติราคาถ่านหินขาขึ้นเราก็จะได้ประโยชน์" แหล่งข่าว กล่าว
*คาดผลงาน Q2/52 กระเตื้องขึ้นจากเร่งทยอยนำเข้าถ่านหินบางส่วน
แหล่งข่าว กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/52 น่าจะดีกว่าไตรมาส 1/52 ที่มีผลขาดทุน เนื่องจากบริษัทสามารถทยอยนำเข้าถ่านหินได้บางส่วนจากที่ชะลอไปในช่วงต้นปีตามความล่าช้าของการก่อสร้างโรงคัดแยกและคลังสินค้า แต่ในช่วงนี้โรงงานสามารถสต็อกถ่านหินได้บางส่วนแล้ว
และคาดว่าจะเดินเครื่องโรงคัดแยกและสต็อกสินค้าในคลังได้เต็มที่จริง ๆ ในช่วงไตรมาส 4/52 ซึ่งจะมีผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทตั้งแต่ปลายปีนี้ และในปี 53
"แต่จะไปดีช่วงไตรมาส 4 เพราะถ้าจะเริ่มดำเนินการจริงๆ ที่เต็มรูปแบบใช้ประโยชน์จากโรงงานนี้ก็คงจะเป็นไตรมาส 4 และปี 53 ก็คงจะทำถ่านหินได้เต็มรูปแบบ ควรจะเป็นเช่นนี้ถ้า capacity พร้อมทุกอย่างก็เดินได้ ปีหน้าน่าจะดีขึ้น" แหล่งข่าว กล่าว
อนึ่ง TCC แจ้งงบการเงินไตรมาส 1/52 มีผลขาดทุนสุทธิ 26.23 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.044 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.28 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.003 บาท เนื่องจากปีก่อนบริษัทยังทำธุรกิจเดิมอยู่
แหล่งข่าว กล่าวว่า ผลประกอบการทั้งปี 52 จะพลิกเป็นกำไรได้หรือไม่นั้น คงต้องดูสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลังเป็นหลัก โดยขณะนี้บริษัทมีธุรกิจหลักเป็นธุรกิจเทรดดิ้งถ่านหินอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนธุรกิจแอร์ได้เลิกดำเนินการและได้ขายหุ้นในโรงเหล็กไปแล้วเมื่อปีก่อน ซึ่งช่วงที่ผ่านมาได้เริ่มมีรายได้จากส่วนนี้เสริมเข้ามาแล้ว
ก่อนหน้านี้ ผู้บริหารคาดว่าธุรกิจถ่านหินจะสร้างรายได้ในปีนี้ประมาณ 700-800 ล้านบาท ลดลงจากปี 51 ที่บริษัทฯมีรายได้ประมาณ 1 พันล้านบาทในช่วงยังมีธุรกิจแอร์อยู่ด้วย
*พันธมิตรไม่คืบ-มองหุ้นเทรดคึกคักเป็นรอบ ๆ
แหล่งข่าว กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องการหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนธุรกิจถ่านหินและการพิจารณาเข้าลงทุนในเหมืองถ่านหินยังไม่มีความคืบหน้าที่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ แต่ยังยืนยันความตั้งใจที่พร้อมจะเข้าลงทุนในบริษัทขนาดเล็กที่มีปัญหาด้านสภาพคล่องการเงินแต่ยังเติบโตได้ดี และพร้อมเปิดรับพันธมิตรร่วมทุน
ส่วนหุ้น TCC ที่มีการซื้อขายคึกคักในบางช่วงเวลานั้น มองว่ามีการเก็งกำไรกันเป็นรอบๆ เพราะเชื่อว่าหุ้นที่ขึ้นโดยปัจจัยพื้นฐานน่าจะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ แต่หุ้นตัวเล็กๆ ก็คงแล้วแต่อารมณ์ของนักลงทุนที่จะเข้ามาเล่น อย่างวันที่ราคาหุ้นชนซิลลิ่งก็พยายามหาข่าวว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ราคาขึ้นมาตามทิศทางสินค้า Commodity ถ่านหินที่ปรับขึ้นหรือไม่นั้น แหล่งข่าว มองว่า คงจะเล่นตามกระแส เพราะปกติก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้ทำถ่านหิน หุ้นตัวนี้ก็เล่นกันในแวดวงอยู่แล้วเพราะราคาหุ้นไม่สูง เพียงแต่หลังๆ ซาไปตอนที่เข้าฟื้นฟูกิจการ